บทวิเคราะห์ GBP/USD วันที่ 22 มกราคม 2568

Create at 3 hours ago (Jan 22, 2025 10:10)

เศรษฐกิจสหราชอาณาจักรเติบโตเล็กน้อย ท่ามกลางเงินเฟ้อที่ลดลง

เศรษฐกิจของสหราชอาณาจักรพบการขยายตัวของ GDP เพียงเล็กน้อยที่ 0.1% ในเดือนพฤศจิกายน 2024 ซึ่งต่ำกว่าที่คาดไว้ว่าจะเติบโต 0.2% หลังจากที่หดตัวในเดือนก่อนหน้า เน้นให้เห็นถึงโมเมนตัมทางเศรษฐกิจที่อ่อนแอในขณะที่ประเทศเผชิญกับไตรมาสที่สี่ที่ท้าทาย ท่ามกลางการเติบโตประจำปีที่ชะลอตัวลงเหลือ 1.0% จาก 1.1% ในเดือนตุลาคม สะท้อนถึงการชะลอตัวในวงกว้างเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของต้นปี ขณะที่ความเชื่อมั่นของธุรกิจและผู้บริโภคยังคงอยู่ในระดับต่ำ โดยได้รับแรงกดดันจากนโยบายการคลัง เช่น การเพิ่มเงินสมทบประกันสังคม และความกังวลเกี่ยวกับการค้าโลกภายใต้การบริหารใหม่ของสหรัฐฯ

ด้านงบประมาณเดือนตุลาคมของนายกรัฐมนตรี Rachel Reeves ส่งผลถึงการปรับเพิ่มภาษีอย่างมาก ซึ่งทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ โดยธุรกิจต่างๆ ตอบสนองอย่างระมัดระวัง โดยให้ความสำคัญกับมาตรการลดต้นทุนที่อาจสร้างอุปสรรคต่อการจ้างงาน การเติบโตของค่าจ้าง และการลงทุนในปี 2025 ขณะที่ธนาคารแห่งอังกฤษ (BoE) อยู่ภายใต้แรงกดดันที่จะต้องจัดการกับความท้าทายดังกล่าว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่ออัตราเงินเฟ้อลดลงเหลือ 2.5% ในเดือนธันวาคม ซึ่งการลดลงของอัตราเงินเฟ้อนี้ รวมกับการลดลงของอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานและเงินเฟ้อภาคบริการ ช่วยบรรเทาความกังวลให้กับผู้กำหนดนโยบาย แต่ก็ส่งสัญญาณถึงความเปราะบางของการฟื้นตัว

ทั้งนี้ BoE ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงแล้วสองครั้งตั้งแต่เดือนสิงหาคม และคาดว่าจะปรับลดอีกครั้งในเดือนกุมภาพันธ์ 2025 นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่านโยบายการเงินจะผ่อนปรนมากขึ้นตลอดทั้งปีเพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ขณะที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) คาดการณ์ว่า GDP จะเติบโตเพียงเล็กน้อยที่ 1.6% ในปี 2025 ซึ่งขับเคลื่อนโดยการลงทุนของภาครัฐและนโยบายการเงินที่ผ่อนคลาย อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงยังคงมีอยู่ จากผลผลิตภาคการผลิตที่อ่อนแอและผลกระทบที่ไม่แน่นอนของมาตรการทางการคลัง

ขณะเดียวกัน ข้อมูลยอดขายปลีกยังได้เพิ่มความกังวล โดยลดลง 0.3% เมื่อเทียบเป็นรายเดือนในเดือนธันวาคม หลังจากเพิ่มขึ้น 0.1% ในเดือนพฤศจิกายน ขณะที่ยอดขายปลีกรายไตรมาสลดลง 0.8% ฉุดการเติบโตทางเศรษฐกิจในไตรมาสที่ 4 ลง 0.04 เปอร์เซ็นต์

อย่างไรก็ดี แม้จะมีปัญหาทางเศรษฐกิจในวงกว้าง ตลาดที่อยู่อาศัยก็แสดงให้เห็นถึงความยืดหยุ่น จากราคาบ้านที่เพิ่มขึ้น 3.3% ต่อปีในเดือนพฤศจิกายน ในขณะที่ค่าเช่าเพิ่มขึ้น 9% เมื่อเทียบเป็นรายปีในเดือนธันวาคม โดยลอนดอนเป็นผู้นำในการเพิ่มขึ้นครั้งนี้ ท่ามกลางข้อมูลในช่วงต้นเดือนมกราคมที่บ่งชี้ถึงรายการประกาศทรัพย์สินใหม่ที่เพิ่มขึ้นและผู้ซื้อที่สอบถามข้อมูลมากขึ้น สะท้อนถึงมุมมองเชิงบวก อย่างไรก็ตาม การเติบโตอย่างยั่งยืนในภาคส่วนที่อยู่อาศัยนั้นขึ้นอยู่กับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของ BoE เพื่อบรรเทาความกังวลเกี่ยวกับความสามารถในการขอสินเชื่อที่อยู่อาศัย

สำหรับผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลยังคงมีความผันผวน โดยผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปี ลดลงเหลือ 4.622% ซึ่งถือเป็นการลดลงรายสัปดาห์ครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม โดยได้รับอิทธิพลจากข้อมูลที่อ่อนแอและการคาดการณ์การปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติมของธนาคารกลางอังกฤษ ซึ่งตลาดคาดว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ย 25 จุดพื้นฐานในการประชุมเดือนกุมภาพันธ์ และมีแนวโน้มว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีกตลอดปี 2025

สำหรับค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ยังคงผันผวนเนื่องจากตลาดตอบสนองต่อภาษีศุลกากรที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เสนอ โดยทรัมป์เสนอให้จัดเก็บภาษีนำเข้าจากแคนาดาและเม็กซิโก 25% จากความกังวลเกี่ยวกับการลักลอบขนเฟนทานิลและการเข้าเมืองโดยไม่ได้รับอนุญาต ส่งผลให้ดัชนีดอลลาร์ปิดตลาดสูงขึ้นเล็กน้อยที่ระดับ 108.00 หลังจากร่วงลง 1.24% ในวันก่อนหน้า และยังคงแนวโน้มอ่อนค่าลงในวงกว้างได้มากขึ้น เนื่องจากตลาดมั่นใจถึงมาตรการภาษีศุลกากรต่างๆ อาจถูกบังคับใช้อย่างค่อยเป็นค่อยไป

ทั้งนี้ สหรัฐฯ เผชิญกับความท้าทายทางการคลังที่สำคัญ โดยคาดว่าการขาดดุลจะเลวร้ายลงเกินกว่าที่สำนักงานงบประมาณรัฐสภา (CBO) ประมาณการไว้เมื่อไม่นานนี้ ซึ่ง CBO ได้แก้ไขการคาดการณ์การขาดดุล 10 ปี โดยแสดงให้เห็นถึงแนวโน้มที่ดีขึ้นเล็กน้อย แต่บรรดานักวิเคราะห์ระบุว่าการคาดการณ์ดังกล่าวเป็นการมองโลกในแง่ดีเกินไป ขณะที่อัตราส่วนหนี้ต่อ GDP คาดว่าจะสูงถึง 118.5% ในปี 2035 ลดลงจากการประมาณการครั้งก่อนซึ่งอยู่ที่ 122% ในปี 2034 อย่างไรก็ตาม การขยายเวลาลดหย่อนภาษีในยุคทรัมป์อาจทำให้ขาดดุลเพิ่มขึ้นกว่า 4 ล้านล้านดอลลาร์ในช่วงทศวรรษหน้า

นอกจากนี้ CBO ยังคาดการณ์ว่าอัตราดอกเบี้ยจะยังคงต่ำกว่า 4% จนถึงปี 2035 ซึ่งนักวิเคราะห์มองว่าไม่น่าจะเกิดขึ้นได้เมื่อพิจารณาจากสภาพตลาดปัจจุบันที่ผลตอบแทนสูงกว่า 4% ขณะที่ Scott Bessent รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังระบุว่าการขาดดุลเมื่อเร็วๆ นี้เกิดจากการใช้จ่ายของรัฐบาลที่มากเกินไป อย่างไรก็ตาม ความชัดเจนของนโยบายการคลังยังคงจำกัด ทำให้ตลาดไม่แน่นอนเกี่ยวกับแนวโน้มในระยะยาว

ข้อมูลประกอบการวิเคราะห์ทางเทคนิค (1H) CFD GBP/USD

แนวต้านสำคัญ : 1.2346, 1.2351, 1.2359

แนวรับสำคัญ : 1.2330, 1.2325, 1.2317        

1H Outlook    

วิเคราะห์ GBP/USD ที่มา: TradingView     

Buy/Long 1 หากมีการแตะแนวรับที่ช่วงราคา 1.2310 - 1.2330 แต่ไม่สามารถเบรกแนวรับที่ 1.2330 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.2346 และ SL ที่ประมาณ 1.2300 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Buy/Long 2 หากสามารถเบรกแนวต้านที่ช่วงราคา 1.2346 - 1.2366 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.2371และ SL ที่ประมาณ 1.2320 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้                 

Sell/Short 1 หากมีการแตะแนวต้านที่ช่วงราคา 1.2346 - 1.2366 แต่ไม่สามารถเบรกแนวต้าน 1.2346 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.2325 และ SL ที่ประมาณ 1.2376 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Sell/Short 2 หากสามารถเบรกแนวรับที่ช่วงราคา 1.2310 - 1.2330 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.2297 และ SL ที่ประมาณ 1.2356 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Pivot Points Jan 22, 2025 09:33AM GMT+7

Name
S3
S2
S1
Pivot Points
R1
R2
R3
Classic 1.2304 1.2317 1.2325 1.2338 1.2346 1.2359 1.2367
Fibonacci 1.2317 1.2325 1.233 1.2338 1.2346 1.2351 1.2359
Camarilla 1.2327 1.2329 1.2331 1.2338 1.2335 1.2337 1.2339
Woodie's 1.2302 1.2316 1.2323 1.2337 1.2344 1.2358 1.2365
DeMark's - - 1.2321 1.2336 1.2342 - -

ที่มา: Investing 1Investing 2

______________________________
อัพเกรดความรู้เพิ่มเติม: คลิกที่นี่
รู้เท่าทันสถานการณ์โลกและบทวิเคราะห์เทคนิคขั้นสูง: คลิกที่นี่
Tags:

TECHNICAL ANALYSIS

ARTICLES