เศรษฐกิจสหราชอาณาจักรเติบโตเล็กน้อย ท่ามกลางเงินเฟ้อที่ลดลง
เศรษฐกิจของสหราชอาณาจักรพบการขยายตัวของ GDP เพียงเล็กน้อยที่ 0.1% ในเดือนพฤศจิกายน 2024 ซึ่งต่ำกว่าที่คาดไว้ว่าจะเติบโต 0.2% หลังจากที่หดตัวในเดือนก่อนหน้า เน้นให้เห็นถึงโมเมนตัมทางเศรษฐกิจที่อ่อนแอในขณะที่ประเทศเผชิญกับไตรมาสที่สี่ที่ท้าทาย ท่ามกลางการเติบโตประจำปีที่ชะลอตัวลงเหลือ 1.0% จาก 1.1% ในเดือนตุลาคม สะท้อนถึงการชะลอตัวในวงกว้างเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของต้นปี ขณะที่ความเชื่อมั่นของธุรกิจและผู้บริโภคยังคงอยู่ในระดับต่ำ โดยได้รับแรงกดดันจากนโยบายการคลัง เช่น การเพิ่มเงินสมทบประกันสังคม และความกังวลเกี่ยวกับการค้าโลกภายใต้การบริหารใหม่ของสหรัฐฯ
ด้านงบประมาณเดือนตุลาคมของนายกรัฐมนตรี Rachel Reeves ส่งผลถึงการปรับเพิ่มภาษีอย่างมาก ซึ่งทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ โดยธุรกิจต่างๆ ตอบสนองอย่างระมัดระวัง โดยให้ความสำคัญกับมาตรการลดต้นทุนที่อาจสร้างอุปสรรคต่อการจ้างงาน การเติบโตของค่าจ้าง และการลงทุนในปี 2025 ขณะที่ธนาคารแห่งอังกฤษ (BoE) อยู่ภายใต้แรงกดดันที่จะต้องจัดการกับความท้าทายดังกล่าว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่ออัตราเงินเฟ้อลดลงเหลือ 2.5% ในเดือนธันวาคม ซึ่งการลดลงของอัตราเงินเฟ้อนี้ รวมกับการลดลงของอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานและเงินเฟ้อภาคบริการ ช่วยบรรเทาความกังวลให้กับผู้กำหนดนโยบาย แต่ก็ส่งสัญญาณถึงความเปราะบางของการฟื้นตัว
ทั้งนี้ BoE ได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงแล้วสองครั้งตั้งแต่เดือนสิงหาคม และคาดว่าจะปรับลดอีกครั้งในเดือนกุมภาพันธ์ 2025 นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่านโยบายการเงินจะผ่อนปรนมากขึ้นตลอดทั้งปีเพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ขณะที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) คาดการณ์ว่า GDP จะเติบโตเพียงเล็กน้อยที่ 1.6% ในปี 2025 ซึ่งขับเคลื่อนโดยการลงทุนของภาครัฐและนโยบายการเงินที่ผ่อนคลาย อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงยังคงมีอยู่ จากผลผลิตภาคการผลิตที่อ่อนแอและผลกระทบที่ไม่แน่นอนของมาตรการทางการคลัง
ขณะเดียวกัน ข้อมูลยอดขายปลีกยังได้เพิ่มความกังวล โดยลดลง 0.3% เมื่อเทียบเป็นรายเดือนในเดือนธันวาคม หลังจากเพิ่มขึ้น 0.1% ในเดือนพฤศจิกายน ขณะที่ยอดขายปลีกรายไตรมาสลดลง 0.8% ฉุดการเติบโตทางเศรษฐกิจในไตรมาสที่ 4 ลง 0.04 เปอร์เซ็นต์
อย่างไรก็ดี แม้จะมีปัญหาทางเศรษฐกิจในวงกว้าง ตลาดที่อยู่อาศัยก็แสดงให้เห็นถึงความยืดหยุ่น จากราคาบ้านที่เพิ่มขึ้น 3.3% ต่อปีในเดือนพฤศจิกายน ในขณะที่ค่าเช่าเพิ่มขึ้น 9% เมื่อเทียบเป็นรายปีในเดือนธันวาคม โดยลอนดอนเป็นผู้นำในการเพิ่มขึ้นครั้งนี้ ท่ามกลางข้อมูลในช่วงต้นเดือนมกราคมที่บ่งชี้ถึงรายการประกาศทรัพย์สินใหม่ที่เพิ่มขึ้นและผู้ซื้อที่สอบถามข้อมูลมากขึ้น สะท้อนถึงมุมมองเชิงบวก อย่างไรก็ตาม การเติบโตอย่างยั่งยืนในภาคส่วนที่อยู่อาศัยนั้นขึ้นอยู่กับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของ BoE เพื่อบรรเทาความกังวลเกี่ยวกับความสามารถในการขอสินเชื่อที่อยู่อาศัย
สำหรับผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลยังคงมีความผันผวน โดยผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 10 ปี ลดลงเหลือ 4.622% ซึ่งถือเป็นการลดลงรายสัปดาห์ครั้งใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่เดือนกรกฎาคม โดยได้รับอิทธิพลจากข้อมูลที่อ่อนแอและการคาดการณ์การปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติมของธนาคารกลางอังกฤษ ซึ่งตลาดคาดว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ย 25 จุดพื้นฐานในการประชุมเดือนกุมภาพันธ์ และมีแนวโน้มว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีกตลอดปี 2025
สำหรับค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ยังคงผันผวนเนื่องจากตลาดตอบสนองต่อภาษีศุลกากรที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เสนอ โดยทรัมป์เสนอให้จัดเก็บภาษีนำเข้าจากแคนาดาและเม็กซิโก 25% จากความกังวลเกี่ยวกับการลักลอบขนเฟนทานิลและการเข้าเมืองโดยไม่ได้รับอนุญาต ส่งผลให้ดัชนีดอลลาร์ปิดตลาดสูงขึ้นเล็กน้อยที่ระดับ 108.00 หลังจากร่วงลง 1.24% ในวันก่อนหน้า และยังคงแนวโน้มอ่อนค่าลงในวงกว้างได้มากขึ้น เนื่องจากตลาดมั่นใจถึงมาตรการภาษีศุลกากรต่างๆ อาจถูกบังคับใช้อย่างค่อยเป็นค่อยไป
ทั้งนี้ สหรัฐฯ เผชิญกับความท้าทายทางการคลังที่สำคัญ โดยคาดว่าการขาดดุลจะเลวร้ายลงเกินกว่าที่สำนักงานงบประมาณรัฐสภา (CBO) ประมาณการไว้เมื่อไม่นานนี้ ซึ่ง CBO ได้แก้ไขการคาดการณ์การขาดดุล 10 ปี โดยแสดงให้เห็นถึงแนวโน้มที่ดีขึ้นเล็กน้อย แต่บรรดานักวิเคราะห์ระบุว่าการคาดการณ์ดังกล่าวเป็นการมองโลกในแง่ดีเกินไป ขณะที่อัตราส่วนหนี้ต่อ GDP คาดว่าจะสูงถึง 118.5% ในปี 2035 ลดลงจากการประมาณการครั้งก่อนซึ่งอยู่ที่ 122% ในปี 2034 อย่างไรก็ตาม การขยายเวลาลดหย่อนภาษีในยุคทรัมป์อาจทำให้ขาดดุลเพิ่มขึ้นกว่า 4 ล้านล้านดอลลาร์ในช่วงทศวรรษหน้า
นอกจากนี้ CBO ยังคาดการณ์ว่าอัตราดอกเบี้ยจะยังคงต่ำกว่า 4% จนถึงปี 2035 ซึ่งนักวิเคราะห์มองว่าไม่น่าจะเกิดขึ้นได้เมื่อพิจารณาจากสภาพตลาดปัจจุบันที่ผลตอบแทนสูงกว่า 4% ขณะที่ Scott Bessent รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังระบุว่าการขาดดุลเมื่อเร็วๆ นี้เกิดจากการใช้จ่ายของรัฐบาลที่มากเกินไป อย่างไรก็ตาม ความชัดเจนของนโยบายการคลังยังคงจำกัด ทำให้ตลาดไม่แน่นอนเกี่ยวกับแนวโน้มในระยะยาว
ข้อมูลประกอบการวิเคราะห์ทางเทคนิค (1H) CFD GBP/USD
แนวต้านสำคัญ : 1.2346, 1.2351, 1.2359
แนวรับสำคัญ : 1.2330, 1.2325, 1.2317
1H Outlook
ที่มา: TradingView
Buy/Long 1 หากมีการแตะแนวรับที่ช่วงราคา 1.2310 - 1.2330 แต่ไม่สามารถเบรกแนวรับที่ 1.2330 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.2346 และ SL ที่ประมาณ 1.2300 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Buy/Long 2 หากสามารถเบรกแนวต้านที่ช่วงราคา 1.2346 - 1.2366 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.2371และ SL ที่ประมาณ 1.2320 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Sell/Short 1 หากมีการแตะแนวต้านที่ช่วงราคา 1.2346 - 1.2366 แต่ไม่สามารถเบรกแนวต้าน 1.2346 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.2325 และ SL ที่ประมาณ 1.2376 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Sell/Short 2 หากสามารถเบรกแนวรับที่ช่วงราคา 1.2310 - 1.2330 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.2297 และ SL ที่ประมาณ 1.2356 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Pivot Points Jan 22, 2025 09:33AM GMT+7
Name
|
S3
|
S2
|
S1
|
Pivot Points
|
R1
|
R2
|
R3
|
---|---|---|---|---|---|---|---|
Classic | 1.2304 | 1.2317 | 1.2325 | 1.2338 | 1.2346 | 1.2359 | 1.2367 |
Fibonacci | 1.2317 | 1.2325 | 1.233 | 1.2338 | 1.2346 | 1.2351 | 1.2359 |
Camarilla | 1.2327 | 1.2329 | 1.2331 | 1.2338 | 1.2335 | 1.2337 | 1.2339 |
Woodie's | 1.2302 | 1.2316 | 1.2323 | 1.2337 | 1.2344 | 1.2358 | 1.2365 |
DeMark's | - | - | 1.2321 | 1.2336 | 1.2342 | - | - |
ที่มา: Investing 1, Investing 2
อัพเกรดความรู้เพิ่มเติม: คลิ