บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นสหรัฐฯ วันที่ 28 มกราคม 2568

Create at 2 months ago (Jan 28, 2025 10:40)

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวหลากหลาย หลังเทคโนโลยีเผชิญการแข่งขันจาก DeepSeek

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดตลาดหลากหลายในวันจันทร์ โดยมีหุ้นในกลุ่มโทรคมนาคม การดูแลสุขภาพ และบริการผู้บริโภคปรับตัวเพิ่มขึ้น ท่ามกลางหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยี สาธารณูปโภค และอุตสาหกรรมที่ปรับตัวลดลง ดัชนี Nasdaq ลดลง 3.1% จากการปรับตัวลดลงของหุ้นเทคโนโลยีหลัก ดัชนี S&P 500 ลดลง 1.5% ในขณะที่ดัชนี Dow Jones Industrial Average เพิ่มขึ้นเล็กน้อย 0.7%

หุ้น Nvidia (NASDAQ:NVDA) ร่วงลงอย่างหนักถึง 17% และหุ้นเทคโนโลยีอื่น ๆ เช่น AMD, Broadcom และ Microsoft ต่างปรับตัวลดลงอย่างมากเช่นกัน การเทขายดังกล่าวเกิดจากความกังวลด้านการแข่งขันหลังจากการเปิดตัวโมเดล AI ที่มีต้นทุนต่ำของบริษัท DeepSeek จากจีน ซึ่งทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับส่วนแบ่งการตลาดที่บริษัทในสหรัฐฯ อาจสูญเสีย โดยเฉพาะในกลุ่มฮาร์ดแวร์ AI
โมเดล AI ใหม่ของ DeepSeek ซึ่งสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพบนฮาร์ดแวร์ที่ไม่ซับซ้อนมาก ได้เพิ่มความเข้มข้นของการแข่งขันในระดับโลก และตั้งคำถามเกี่ยวกับมูลค่าที่สูงของบริษัท AI ในสหรัฐฯ เช่น Nvidia โดยนักวิเคราะห์จาก Wedbush และ Bernstein ระบุว่าการตอบสนองของตลาดเป็นการตอบสนองที่เกินจริง พร้อมย้ำถึงศักยภาพการเติบโตระยะยาวของการลงทุนใน AI พร้อมกับเสนอว่า นวัตกรรมจากบริษัทอย่าง DeepSeek อาจช่วยกระตุ้นความต้องการโดยรวมของธุรกิจการประมวลผล ซึ่งในที่สุดอาจเป็นประโยชน์ต่อบริษัทในสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม ดัชนีหุ้นกลุ่มเซมิคอนดักเตอร์โดยรวมยังคงลดลง 9.2% ซึ่งเป็นการลดลงรายวันที่เลวร้ายที่สุดตั้งแต่เดือนมีนาคม 2020 ขณะที่ผู้ให้บริการศูนย์ข้อมูล เช่น Digital Realty (-8.7%) และผู้จัดหาพลังงานอย่าง Vistra (-28.3%) ต่างได้รับผลกระทบอย่างหนักจากความกังวลเกี่ยวกับความต้องการ AI ที่เปลี่ยนแปลง
ทั้งนี้ ฤดูกาลรายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 4 เริ่มต้นได้อย่างแข็งแกร่ง โดย 82% ของบริษัทในดัชนี S&P 500 ทำกำไรต่อหุ้น (EPS) ได้ดีกว่าที่คาด และ 63% รายงานรายได้สูงกว่าคาดการณ์ อย่างไรก็ตาม การปรับลดประมาณการ EPS ในปี 2025 ยังคงมีอยู่ แม้ว่าจะอยู่ในระดับเล็กน้อยตามข้อมูลของ RBC Capital Markets โดยในสัปดาห์นี้เป็นสัปดาห์สำคัญสำหรับรายงานผลประกอบการ โดยมีบริษัทใหญ่ เช่น Boeing, Meta, Microsoft และ Tesla ที่มีกำหนดเผยแพร่ผลประกอบการ และถึงแม้จะมีความผันผวนในกลุ่มเทคโนโลยี แต่ตลาดโดยรวมยังคงแสดงให้เห็นถึงความยืดหยุ่นจากความคาดหวังของนโยบายการเงินที่มั่นคงและแรงกดดันเงินเฟ้อที่ลดลง
ด้านนักวิเคราะห์จาก Stifel เตือนว่าความเสี่ยงของภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวอาจทำให้ดัชนี S&P 500 ลดลงเหลือ 5,500 จุดในปี 2025 โดยระบุข้อกังวลสำคัญ 3 ประการ ได้แก่ ความไม่ราบรื่นจากการเปลี่ยนแปลงจากการเป็นผู้นำตลาดที่เน้นการเติบโตไปสู่การเป็นผู้นำตลาดที่เน้นมูลค่า อัตราเงินเฟ้อที่คงอยู่ (ซึ่งคาดว่า Core PCE จะอยู่ที่ 2.7%-2.9%) และผลตอบแทนพันธบัตรที่สูงขึ้นพร้อมกับเส้นอัตราดอกเบี้ยที่แบนราบ โดยปัจจัยเหล่านี้อาจนำไปสู่สถานการณ์เศรษฐกิจชะลอตัวและการปรับฐานตลาด 10% ในช่วงครึ่งหลังของปี 2025 Stifel คาดการณ์ว่ากลุ่ม Defensive Value เช่น สาธารณูปโภค ยา และเทคโนโลยีชีวภาพ จะมีผลประกอบการดีกว่ากลุ่ม Big Tech และ Cyclical Growth ในช่วงนี้
นักลงทุนยังคงจับตาการประชุมของ Federal Reserve ซึ่งคาดว่าอัตราดอกเบี้ยจะยังคงไม่เปลี่ยนแปลงที่ 4.25%-4.50% ตัวชี้วัดเงินเฟ้อของ Fed อย่างดัชนีราคา PCE และข้อมูล GDP ไตรมาส 4 จะให้ข้อมูลเชิงลึกที่สำคัญเกี่ยวกับมุมมองเศรษฐกิ ขณะที่Goldman Sachs ได้เปรียบเทียบสถานการณ์กับสงครามการค้าในปี 2019 โดยเน้นถึงความเป็นไปได้ที่เงินเฟ้อจากภาษีศุลกากรอาจมีอิทธิพลต่อการตัดสินใจเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ย
อย่างไรก็ดี ความเชื่อมั่นในตลาดหุ้นที่ได้รับแรงหนุนจากการเติบโตของ AI ยังคงเป็นปัจจัยสำคัญ แม้ว่าการประเมินมูลค่าที่สูงและการแข่งขันที่เพิ่มขึ้นจากผู้เล่นใหม่อย่าง DeepSeek จะส่งผลสำคัญต่อตลาด นักวิเคราะห์ชี้ว่าตลาดสหรัฐฯ พึ่งพาหุ้นเทคโนโลยีขนาดใหญ่ (Mega-Cap) อย่างมาก ทำให้เปราะบางต่อความปั่นป่วนทางภูมิรัฐศาสตร์และเทคโนโลยี รายงานผลประกอบการและข้อมูลเศรษฐกิจที่จะประกาศเร็ว ๆ นี้ เช่น การเติบโต GDP และอัตราเงินเฟ้อ PCE คาดว่าจะมีบทบาทสำคัญในการกำหนดทิศทางตลาดและทดสอบความแข็งแกร่งของการฟื้นตัวในตลาดหุ้น

ข้อมูลประกอบการวิเคราะห์ทางเทคนิค (1H) CFD US 500 [S&P 500]

แนวต้านสำคัญ : 6016.1, 6019.9, 6026.2

แนวรับสำคัญ : 6003.5, 5999.7, 5993.4                                

1H Outlook

วิเคราะห์ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่มา: TradingView                         

Buy/Long 1 หากมีการแตะแนวรับที่ช่วงราคา 5993.5 - 6003.5 แต่ไม่สามารถเบรกแนวรับที่ 6003.5 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 6018.9 และ SL ที่ประมาณ 5988.5 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Buy/Long 2 หากสามารถเบรกแนวต้านที่ช่วงราคา 6016.1 - 6026.1 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 6036.0 และ SL ที่ประมาณ 5999.0 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้                 

Sell/Short 1 หากมีการแตะแนวต้านที่ช่วงราคา 6016.1 - 6026.1 แต่ไม่สามารถเบรกแนวต้านที่ 6016.1 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 6002.5 และ SL ที่ประมาณ 6031.1 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Sell/Short 2 หากสามารถเบรกแนวรับที่ช่วงราคา 5993.5 - 6003.5 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 5975.0 และ SL ที่ประมาณ 6021.0 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Pivot Points Jan 28, 2025 10:24AM GMT+7

Name
S3
S2
S1
Pivot Points
R1
R2
R3
Classic 5986.1 5993.4 6002.5 6009.8 6018.9 6026.2 6035.3
Fibonacci 5993.4 5999.7 6003.5 6009.8 6016.1 6019.9 6026.2
Camarilla 6007.1 6008.6 6010.1 6009.8 6013.1 6014.6 6016.1
Woodie's 5987.1 5993.9 6003.5 6010.3 6019.9 6026.7 6036.3
DeMark's - - 6006.1 6011.6 6022.5 - -

ที่มา: Investing 1Investing 2

______________________________
อัพเกรดความรู้เพิ่มเติม: คลิกที่นี่
รู้เท่าทันสถานการณ์โลกและบทวิเคราะห์เทคนิคขั้นสูง: คลิกที่นี่
Tags:

TECHNICAL ANALYSIS

ARTICLES