บทวิเคราะห์ USD/CAD วันที่ 3 กุมภาพันธ์ 2568

Create at 2 weeks ago (Feb 03, 2025 13:18)

แบงก์ชาติแคนาดาหั่นดอกเบี้ยอีกครั้ง ท่ามกลางเศรษฐกิจชะลอ-ภาษีสหรัฐซ้ำเติม

ธนาคารกลางแคนาดาลดอัตราดอกเบี้ยลง 25 จุดพื้นฐาน สู่ระดับ 3% ซึ่งนับเป็นการปรับลดครั้งที่หกติดต่อกัน เพื่อตอบสนองต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ซบเซา นอกจากนี้ ธนาคารกลางยังปรับลดคาดการณ์การเติบโตของ GDP สำหรับปี 2025 และ 2026 โดยให้เหตุผลว่าจำนวนประชากรลดลงอันเป็นผลจากข้อจำกัดด้านการย้ายถิ่นฐาน ซึ่งคาดว่าเศรษฐกิจจะเติบโตเพียง 1.8% ในทั้งสองปี ลดลงจากประมาณการเดิมที่ 2.1% และ 2.3% ตามลำดับ ขณะเดียวกัน การคาดการณ์เงินเฟ้อถูกปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อย โดยคาดว่าอัตราเงินเฟ้อในปี 2025 จะอยู่ที่ 2.3% และปี 2026 อยู่ที่ 2.1% ซึ่งสะท้อนปัจจัยต่าง ๆ เช่น ราคาน้ำมันที่สูงขึ้นและค่าเงินดอลลาร์แคนาดาที่อ่อนค่าลง ทั้งนี้ ธนาคารกลางยังคงกังวลถึงผลกระทบทางเศรษฐกิจที่อาจเกิดจากภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ และเตือนว่าอัตราเงินเฟ้อที่สูงอย่างต่อเนื่องอาจทำให้ต้องปรับเปลี่ยนนโยบายการเงิน 

แนวโน้มเศรษฐกิจยิ่งมีความไม่แน่นอนมากขึ้น หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ประกาศเรียกเก็บภาษีนำเข้า 25% จากสินค้าจากแคนาดา ซึ่งอาจส่งผลกระทบอย่างมากต่อการค้า เนื่องจาก 75% ของการส่งออกของแคนาดามุ่งไปยังสหรัฐฯ ผู้ว่าการธนาคารกลางแคนาดา ทิฟฟ์ แมคเลม เตือนว่าภาษีดังกล่าวอาจกระตุ้นเงินเฟ้อ และทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจอ่อนแอลง ซึ่งเป็นความท้าทายสำหรับนโยบายการเงิน โดยในกรณีเลวร้ายที่สุด หากแคนาดาและประเทศอื่น ๆ ตอบโต้ด้วยมาตรการภาษีของตนเอง การเติบโตของ GDP ของแคนาดาอาจลดลง 2.5 จุดเปอร์เซ็นต์ในปีแรก และ 1.5 จุดเปอร์เซ็นต์ในปีที่สอง ซึ่งธนาคารกลางแคนาดายอมรับว่ามาตรการทางการเงินเพียงอย่างเดียวไม่สามารถลดผลกระทบด้านเงินเฟ้อที่เกิดจากภาษีได้อย่างมีประสิทธิภาพ 

ทั้งนี้ เพื่อตอบโต้ภัยคุกคามจากภาษี รัฐบาลแคนาดาประกาศมาตรการตอบโต้ โดยกำหนดภาษีนำเข้าสำหรับสินค้าจากสหรัฐฯ มูลค่า 155,000 ล้านดอลลาร์ ครอบคลุมสินค้าส่งออกสำคัญ เช่น ยานยนต์ โลหะ และผลิตภัณฑ์เกษตร นอกจากนี้ รัฐบาลจะเปิดตัว "กระบวนการยกเว้นภาษี" เพื่อช่วยเหลือธุรกิจที่ไม่สามารถจัดหาสินค้าจากภายในประเทศหรือซัพพลายเออร์ทางเลือกได้ ซึ่งเจ้าหน้าที่เน้นย้ำถึงความมุ่งมั่นในการปกป้องอุตสาหกรรมของแคนาดา ขณะเดียวกันก็พยายามรักษาความสัมพันธ์ทางการค้ากับสหรัฐฯ 

อีกด้าน ข้อมูลเศรษฐกิจตอกย้ำถึงความท้าทายที่แคนาดากำลังเผชิญ หลังจาก GDP ของประเทศหดตัว 0.2% ในเดือนพฤศจิกายน เนื่องจากการลดลงในภาคเหมืองแร่ การสกัดน้ำมัน และการขนส่งที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาแรงงาน ขณะที่ยอดค้าปลีกทรงตัวในช่วงเวลาเดียวกัน แม้การประมาณการเบื้องต้นจะบ่งชี้ว่ามีการฟื้นตัวในเดือนธันวาคม ขณะเดียวกัน การขาดดุลงบประมาณของรัฐบาลกลางขยายตัวเป็น 22.72 พันล้านดอลลาร์แคนาดาในช่วงแปดเดือนแรกของปีงบประมาณ เนื่องจากรายจ่ายของรัฐบาลและต้นทุนหนี้สาธารณะที่เพิ่มสูงขึ้น แม้ว่าบางภาคส่วน เช่น การค้าส่งและการผลิต จะมีกำไรเล็กน้อย แต่ภาพรวมของเศรษฐกิจยังคงเปราะบาง 

อย่างไรก็ดี ตลาดการเงินยังคงไม่แน่ใจเกี่ยวกับทิศทางต่อไปของธนาคารกลางแคนาดา ปัจจุบัน นักลงทุนคาดว่าจะมีโอกาส 43% ที่จะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยอีกครั้งในการประชุมเดือนมีนาคม นักวิเคราะห์ระบุว่าหากสหรัฐฯ บังคับใช้มาตรการภาษี ธนาคารกลางอาจต้องใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงินเชิงรุกยิ่งขึ้นเพื่อตอบโต้ภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว อย่างไรก็ตาม ธนาคารต้องเผชิญความท้าทายในการรักษาสมดุล เนื่องจากภาษีอาจกระตุ้นเงินเฟ้อและชะลอการเติบโตทางเศรษฐกิจในเวลาเดียวกัน ด้วยเครื่องมือที่จำกัด ธนาคารกลางจึงมุ่งเน้นไปที่การสนับสนุนการปรับตัวของเศรษฐกิจ ขณะเดียวกันกับการป้องกันไม่ให้เงินเฟ้อฝังรากลึก

เมื่อวันจันทร์ ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ พุ่งขึ้น ส่งผลให้ดอลลาร์แคนาดาร่วงลงอย่างมาก การเคลื่อนไหวครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ตัดสินใจบังคับใช้ภาษีศุลกากรครั้งใหญ่ ซึ่งเท่ากับเป็นการจุดชนวนสงครามการค้า นักวิเคราะห์ชี้ว่า ความขัดแย้งที่รุนแรงขึ้นอย่างรวดเร็ว และการบังคับใช้ภาษีเร็วกว่าที่คาด ซึ่งกำหนดมีผลในวันที่ 4 กุมภาพันธ์ เป็นปัจจัยที่อาจนำไปสู่ภาวะการค้าทั่วโลกที่ชะลอตัวลงอย่างรุนแรง 

มาตรการภาษีของทรัมป์รวมถึงการเรียกเก็บภาษี 25% จากสินค้านำเข้าจากแคนาดาและเม็กซิโก และภาษี 10% สำหรับสินค้าจีน โดยให้เหตุผลถึงการจำเป็นในการต่อสู้กับการเข้าเมืองผิดกฎหมายและการลักลอบค้ายาเสพติด ผู้เชี่ยวชาญด้านตลาดเตือนว่ามาตรการเหล่านี้อาจบั่นทอนความเชื่อมั่นของนักลงทุนเร็วกว่าที่คาดไว้ ก่อนหน้านี้ หลายฝ่ายคาดการณ์ว่าความตึงเครียดทางการค้าจะทวีความรุนแรงขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไปตลอดปี 2025 หลังการเจรจาที่ยืดเยื้อ ซึ่งความไม่แน่นอนเกี่ยวกับภาษีทำให้นักลงทุนลดคาดการณ์เกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) โดยนักกลยุทธ์ตลาดเตือนว่าหากข้อพิพาทภาษีรุนแรงขึ้น อาจส่งผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทาน ชะลอการเติบโตทางเศรษฐกิจ และก่อให้เกิดแรงกดดันด้านเงินเฟ้อ 

ในขณะเดียวกัน ข้อมูลที่เผยแพร่เมื่อวันศุกร์ระบุว่า อัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ยังคงอยู่ในระดับสูง โดยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนธันวาคม สะท้อนถึงการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่แข็งแกร่ง ขณะที่การเติบโตทางเศรษฐกิจชะลอลงเล็กน้อยสู่ระดับ 2.3% ต่อปีในไตรมาสที่สี่ ลดลงจาก 3.1% ในไตรมาสก่อนหน้า โดยการบริโภคที่แข็งแกร่งบ่งชี้ว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ อาจยังไม่รีบปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติม 

ด้านตลาดแรงงานสหรัฐฯ ยังคงแข็งแกร่ง แม้ว่าจะมีสัญญาณของการชะลอตัวในอัตราการจ้างงาน จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานลดลงเหลือ 207,000 รายในสัปดาห์ที่ผ่านมา ต่ำกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ ซึ่งบ่งชี้ว่าการเลิกจ้างพนักงานยังอยู่ในระดับต่ำ อย่างไรก็ตาม ผลสำรวจชี้ให้เห็นว่าแรงงานเริ่มมีมุมมองที่ไม่มั่นใจเกี่ยวกับโอกาสในการหางานทำ เนื่องจากบริษัทต่าง ๆ ชะลอการขยายการจ้างงาน ท่ามกลางความไม่แน่นอนเกี่ยวกับนโยบายเศรษฐกิจของทรัมป์ รวมถึงมาตรการภาษี การปรับลดภาษี และการบังคับใช้กฎหมายตรวจคนเข้าเมืองที่เข้มงวดขึ้น

ทั้งนี้ ผลกระทบจากมาตรการภาษีของทรัมป์อาจไม่ได้จำกัดอยู่แค่ตลาดการเงิน แต่ยังอาจกระทบต่อราคาสินค้าอาหาร นักเศรษฐศาสตร์เตือนว่าการเรียกเก็บภาษีกับสินค้านำเข้าจากแคนาดาและเม็กซิโกจะทำให้ต้นทุนเนื้อสัตว์ ผลไม้ และผักสูงขึ้น ส่งผลให้เงินเฟ้อของสินค้าจำเป็นรุนแรงขึ้น ผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมอาหารมองว่าภาษีดังกล่าวเป็นเสมือน "ภาษีอาหารแฝง" ที่อาจสร้างภาระให้กับงบประมาณครัวเรือน ขณะที่ทำเนียบขาวยืนยันว่าภาษีจะไม่ส่งผลให้ราคาสินค้าสูงขึ้น แต่บรรดานักวิเคราะห์ในอุตสาหกรรมยังคงแสดงความกังวล โดยอ้างถึงความเป็นไปได้ของการหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทาน 

ในระยะข้างหน้า นักลงทุนจะจับตาดูข้อมูลตลาดแรงงานที่กำลังจะเผยแพร่ รวมถึงรายงานการจ้างงานเดือนมกราคม นักเศรษฐศาสตร์คาดว่าการจ้างงานจะชะลอตัวลง โดยอาจมีการเพิ่มงาน 154,000 ตำแหน่งในเดือนมกราคม ลดลงจาก 256,000 ตำแหน่งในเดือนธันวาคม อัตราการว่างงานคาดว่าจะอยู่ที่ 4.1% ขณะที่การเติบโตของค่าจ้างคาดว่าจะทรงตัว ซึ่งข้อมูลเหล่านี้จะเป็นปัจจัยสำคัญในการกำหนดทิศทางนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ ด้วยเงินเฟ้อที่ยังคงสูงกว่าระดับเป้าหมายและตลาดแรงงานที่แข็งแกร่ง Fed ส่งสัญญาณว่าอาจยังไม่รีบลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติม

ข้อมูลประกอบการวิเคราะห์ทางเทคนิค (1D) CFD USD/CAD

แนวต้านสำคัญ : 1.4740, 1.4751, 1.4768       

แนวรับสำคัญ : 1.4706, 1.4695, 1.4678         

1D Outlook      

วิเคราะห์ USD/CAD ที่มา: TradingView    

Buy/Long 1 หากมีการแตะแนวรับที่ช่วงราคา 1.4656 - 1.4706 แต่ไม่สามารถเบรกแนวรับที่ 1.4706 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.4740 และ SL ที่ประมาณ 1.4631 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Buy/Long 2 หากสามารถเบรกแนวต้านที่ช่วงราคา 1.4740 - 1.4790 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.4794 และ SL ที่ประมาณ 1.4681 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้                 

Sell/Short 1 หากมีการแตะแนวต้านที่ช่วงราคา 1.4740 - 1.4790 แต่ไม่สามารถเบรกแนวต้านที่ 1.4740 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.4695 และ SL ที่ประมาณ 1.4815 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Sell/Short 2 หากสามารถเบรกแนวรับที่ช่วงราคา 1.4656 - 1.4706 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.4646 และ SL ที่ประมาณ 1.4765 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Pivot Points Feb 3, 2025 12:54PM GMT+7

Name
S3
S2
S1
Pivot Points
R1
R2
R3
Classic 1.465 1.4678 1.4695 1.4723 1.474 1.4768 1.4785
Fibonacci 1.4678 1.4695 1.4706 1.4723 1.474 1.4751 1.4768
Camarilla 1.4701 1.4705 1.4709 1.4723 1.4717 1.4721 1.4725
Woodie's 1.4646 1.4676 1.4691 1.4721 1.4736 1.4766 1.4781
DeMark's - - 1.4687 1.4719 1.4732 - -

ที่มา: Investing 1Investing 2

______________________________
อัพเกรดความรู้เพิ่มเติม: คลิกที่นี่
รู้เท่าทันสถานการณ์โลกและบทวิเคราะห์เทคนิคขั้นสูง: คลิกที่นี่
Tags:

TECHNICAL ANALYSIS

ARTICLES