ความตึงเครียดทางการค้าระหว่างแคนาดากับสหรัฐได้ผ่อนคลายลง

PMI ภาคการผลิตแคนาดาลดลงมาอยู่ที่ 51.6 ในเดือนมกราคม จาก 52.2 ในเดือนธันวาคม แสดงให้เห็นถึงสัญญาณการขยายตัวที่ชะลอตัวลง นอกจากนี้ กำลังการผลิตและคำสั่งซื้อใหม่เพิ่มขึ้นในอัตราที่ชะลอตัวลง อย่างไรก็ตาม ยอดขายส่งออกเพิ่มขึ้นเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2023 โดยลูกค้าในสหรัฐฯ บางรายสั่งซื้อล่วงหน้าก่อนที่จะมีการจัดเก็บภาษีภายใต้ประธานาธิบดีทรัมป์ ถึงแย่างนั้น ความไม่แน่นอนของตลาดโดยรวมเกี่ยวกับขนาดภาษีและสงครามการค้าโลกที่อาจเกิดขึ้น ทำให้ผู้ผลิตเกิดความกังวล ด้านต้นทุนพบว่าราคาวัตถุดิบเพิ่มสูงขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 21 เดือน เนื่องจากค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นทำให้ต้นทุนการนำเข้าสินค้าเพิ่มสูงขึ้นตามไปด้วย นอกจากนี้ ค่าใช้จ่ายในการผลิตก็เพิ่มขึ้นเช่นกัน

PMI ภาคบริการของแคนาดาเพิ่งขึ้นเล็กน้อยมาอยู่ที่ 49.0 ในเดือนมกราคม จาก 48.2 ในเดือนธันวาคม 2024 ซึ่งถือเป็นการหดตัวติดต่อกันเป็นครั้งที่ 2 ของกิจกรรมภาคบริการ การลดลงนี้เกิดจากธุรกิจเกิดใหม่ที่ลดลงและอุปสงค์ของตลาดที่ลดลง โดยลูกค้ายังคงมีความกังวลเกี่ยวกับความไม่แน่นอนด้านงบประมาณและความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ ส่งผลให้ธุรกิจที่ในการส่งออกยังคงมีตัวเลขการส่งออกลดลงอย่างต่อเนื่อง และถือเป็นการลดลงมากที่สุดในรอบ 4 ปี นอกจากนี้ บริษัทต่างๆ อยากได้ลดจำนวนพนักงานลงเป็นครั้งแรกในรอบ 4 เดือน เพื่อควบคุมต้นทุนทางด้านแรงงานให้ดีมากขึ้น ในขณะที่การเพิ่มขึ้นของต้นทุนส่วนใหญ่ยังคงเกิดจากต้นทุนวัตถุดิบที่ยังคงอยู่ในระดับสูง ส่งผลให้ความเชื่อมั่นในภาคบริการยังคงต่ำกว่าแนวโน้มในระยะยาว โดยผู้ประกอบการหวังว่าธนาคารกลางแคนาดาจะช่วยลดอัตราดอกเบี้ยลงและช่วยกระตุ้นอุปสงค์ เพื่อให้เศรษฐกิจสามารถเติบโตต่อไปได้

แคนาดาเกินดุลการค้า 0.7 พันล้านดอลลาร์แคนาดาในเดือนธันวาคม ถือเป็นการกลับมาเกินดุลอีกครั้ง หลังจากที่ขาดดุลในเดือนก่อนหน้า โดยการส่งออกเพิ่มขึ้นมากกว่าการนำเข้าอย่างมาก ซึ่งการนำเข้าสินค้าในแคนาดาเพิ่มขึ้น 2.3% เป็น 68,800 ล้านดอลลาร์แคนาดา หนังเป็นการเพิ่มขึ้นต่อเนื่องหลังจากเพิ่มขึ้น 2.8% ในเดือนก่อนหน้า โดยการนำเข้าสินค้าส่วนใหญ่ยังคงเป็นสินค้าอุปโภคบริโภคที่้พิ่มขึ้น 4.7%, ผลิตภัณฑ์โลหะและแร่ที่ไม่ใช่โลหะที่เพิ่มขึ้น 8.7%, เครื่องจักร และชิ้นส่วนยานยนต์ โดยการนำเข้าจากสหรัฐฯ ซึ่งคิดเป็นกว่า 60% ของการนำเข้าทั้งหมดของแคนาดา ลดลง 1.5% ในเดือนธันวาคม ในขณะที่ การนำเข้าจากประเทศอื่นนอกเหนือจากสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 9% ในปี 2024

ด้านการส่งออกของแคนาดาเพิ่มขึ้น 4.9% สู่ระดับสูงสุดในรอบ 10 เดือนที่ 69,500 ล้านดอลลาร์แคนาดา และถือเป็นการทำจุดสูงสุดใหม่อีกครั้งตั้งแต่ปี 2022 โดยแรงหนุนส่วนใหญ่ยังคงเกิดจากค่าเงินดอลลาร์แคนาดาที่อ่อนค่าลง ว่งผลให้กำไรโดยรวมเพิ่มขึ้นใน 8 กลุ่มอุตสาหกรรมจาก 11 กลุ่ม โดยกลุ่มสินค้าส่งออกที่มีกำไรเพิ่มขึ้นได้แก่ ผลิตภัณฑ์โลหะและแร่ที่ไม่ใช่โลหะที่เพิ่มขึ้นกว่า 9.2% สู่ระดับสูงสุดที่ 10,000 ล้านดอลลาร์แคนาดา, ผลิตภัณฑ์พลังงานซึ่งส่วนใหญ่เป็นการส่งออกน้ำมันดิบ, ยานยนต์และอุปกรณ์ต่างๆ โดยสหรัฐอเมริกา ยังคงเป็นคู่การค้ารายใหญ่ที่สุดของแคนาดา โดยมีการส่งออกเพิ่มขึ้นมากกว่า 5% สะท้อนให้เห็นถึงความกังวลเกี่ยวกับภาษีศุลกากรที่กำลังจะเกิดขึ้นภายใต้การบริหารของทรัมป์

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลแคนาดาอายุ 10 ปีทรงตัวที่ประมาณ 3.03% หลังจากที่นายกรัฐมนตรีทรูโดยืนยันว่าสหรัฐฯ จะระงับการเรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าของแคนาดาเป็นเวลาอย่างน้อย 30 วัน โดยการเลื่อนออกไปของการเก็บภาษีในครั้งนี้ ช่วยคลายความกังวลเกี่ยวกับการหยุดชะงักของการค้าที่อาจเกิดขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยลดความกังวลเกี่ยวกับสินค้าส่งออกของแคนาดาที่อาจลดลง อย่างไรก็ตาม ธนาคารกลางแคนาดามีท่าทีผ่อนคลายนโยบายมากขึ้น หลังจากปรับลดอัตราดอกเบี้ย 25 bps เหลือ 3%