ตลาดหุ้นปรับขึ้น นักลงทุนจับตาเงินเฟ้อ นโยบายเฟด และสงครามการค้า
ฟิวเจอร์สดัชนีหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อยในวันจันทร์ บ่งชี้ถึงการเริ่มต้นสัปดาห์ในเชิงบวก ท่ามกลางพัฒนาการทางเศรษฐกิจที่สำคัญ นักลงทุนจับตาความคืบหน้าเกี่ยวกับนโยบายการค้าของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ข้อมูลเงินเฟ้อที่สำคัญ และถ้อยแถลงของประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) นายเจอโรม พาวเวลล์ โดยจุดสนใจหลักอยู่ที่รายงานดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ในวันพุธ ซึ่งคาดว่าจะสะท้อนอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานที่เพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนมกราคม จากระดับ 0.2% ในเดือนธันวาคม โดยถ้อยแถลงของพาวเวลล์จะถูกวิเคราะห์อย่างใกล้ชิดเพื่อหาสัญญาณเกี่ยวกับทิศทางนโยบายการเงินของ Fed โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาถึงความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจและความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อที่ยังคงอยู่ นอกจากนี้ ข้อมูลผลผลิตภาคอุตสาหกรรมและยอดค้าปลีกจะช่วยให้เห็นภาพชัดเจนยิ่งขึ้นเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจและความเชื่อมั่นของผู้บริโภค
ทั้งนี้ ตลาดการเงินเตรียมรับมือกับความตึงเครียดทางการค้าที่ทวีความรุนแรงขึ้น เนื่องจากทรัมป์เดินหน้าบังคับใช้ภาษีนำเข้าใหม่ โดยตั้งแต่วันจันทร์ สหรัฐฯ ได้เรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียมในอัตรา 25% ขณะที่จีนตอบโต้ด้วยการเก็บภาษีมูลค่า 14,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จากสินค้านำเข้าของสหรัฐฯ โดยมาตรการภาษีใหม่นี้เป็นการเพิ่มเติมจากภาษีที่คงอยู่มาตั้งแต่สมัยดำรงตำแหน่งครั้งแรกของทรัมป์ และคาดว่าจะส่งผลกระทบต่อประเทศผู้ส่งออกหลักไปยังสหรัฐฯ เช่น แคนาดา บราซิล และเม็กซิโก แม้ว่าทรัมป์จะเคยชะลอการเก็บภาษีที่คล้ายกันกับแคนาดาและเม็กซิโกจากเหตุผลด้านความมั่นคง แต่บรรดานักวิเคราะห์เตือนว่าความปั่นป่วนทางการค้าเพิ่มเติมอาจกระตุ้นให้เงินเฟ้อเร่งตัวขึ้น และทำให้แนวทางนโยบายของ Fed ซับซ้อนยิ่งขึ้น
แม้จะมีความกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้า แต่ดัชนี S&P 500 ฟื้นตัวขึ้นในวันจันทร์ นำโดยหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี โดยหุ้น Nvidia (NASDAQ:NVDA) พุ่งขึ้น 3% หลังจาก Evercore ISI ประเมินว่าการปรับฐานล่าสุดเป็นโอกาสเข้าซื้อ พร้อมลดความกังวลเกี่ยวกับการแข่งขันจากคู่แข่ง AI อย่าง DeepSeek ด้าน Broadcom (NASDAQ:AVGO) ปรับตัวขึ้น 4.5% และ Amazon (NASDAQ:AMZN) เพิ่มขึ้น 1.7% อย่างไรก็ตาม หุ้น Tesla (NASDAQ:TSLA) ร่วงลง 3% หลังมีรายงานว่า อีลอน มัสก์ ซีอีโอของบริษัท กำลังนำกลุ่มนักลงทุนเข้าซื้อกิจการ OpenAI ซึ่งเป็นองค์กรไม่แสวงหากำไรที่ควบคุม OpenAI ในมูลค่า 97.4 พันล้านดอลลาร์
ด้านหุ้นกลุ่มเหล็กและอะลูมิเนียมพุ่งขึ้นหลังจากทรัมป์ประกาศมาตรการภาษี โดยหุ้น Nucor (NYSE:NUE), U.S. Steel และ Steel Dynamics (NASDAQ:STLD) ต่างปรับตัวขึ้นกว่า 4% ขณะที่ Cleveland-Cliffs (NYSE:CLF) พุ่งขึ้น 18% Century Aluminum (NASDAQ:CENX) เพิ่มขึ้น 10% และ Alcoa (NYSE:AA) ขยับขึ้นราว 2% นอกจากนี้ หุ้น U.S. Steel (NYSE:X) ได้รับความสนใจจากนักลงทุนเพิ่มขึ้น หลังมีรายงานว่า Nippon Steel ของญี่ปุ่นกำลังพิจารณาปรับกลยุทธ์การเข้าซื้อกิจการของบริษัท
ด้านหุ้นกลุ่มพลังงานได้รับแรงหนุนจากราคาน้ำมันที่สูงขึ้น เนื่องจากนักลงทุนคาดการณ์ถึงความเป็นไปได้ของการหยุดชะงักด้านอุปทานอันเนื่องมาจากความตึงเครียดทางการค้า หุ้น BP (NYSE:BP) พุ่งขึ้นกว่า 6% หลังมีรายงานว่า Elliott Investment Management ได้เข้าถือหุ้นและเรียกร้องให้มีการปฏิรูปเชิงนโยบายที่เป็นมิตรกับผู้ถือหุ้น โดยนักลงทุนเชิงรุกชี้ว่า มูลค่าหุ้นของ BP ยังคงต่ำกว่าคู่แข่งอย่าง Shell และเรียกร้องให้มีการปรับกลยุทธ์เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้แก่ผู้ถือหุ้น
อย่างไรก็ดี ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนยังคงเป็นปัจจัยสำคัญที่ขับเคลื่อนตลาด โดยผลประกอบการไตรมาสที่ 4 ออกมาดีกว่าคาดการณ์ กำไรของบริษัทในดัชนี S&P 500 เติบโต 12% เมื่อเทียบกับปีก่อน สูงกว่าคาดการณ์เดิมที่ 8% อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์จาก Goldman Sachs เตือนว่าสงครามภาษีที่ดำเนินอยู่ อาจส่งผลกดดันต่อกำไรของบริษัทจดทะเบียนในปี 2025 โดยความไม่แน่นอนของนโยบายอาจฉุดมูลค่าหุ้นลง Goldman Sachs ประเมินว่าการเพิ่มภาษีขึ้นอีก 5% อาจลดกำไรต่อหุ้น (EPS) ของ S&P 500 ลง 1-2% และอาจส่งผลให้ราคาสินค้าสูงขึ้น
ในขณะเดียวกัน หุ้น McDonald's พุ่งขึ้น 4.8% หลังจากรายงานยอดขายสาขาเดิมทั่วโลกที่เติบโตเกินคาด ซึ่งได้รับแรงหนุนจากผลประกอบการที่แข็งแกร่งในตะวันออกกลางและญี่ปุ่น หุ้น Rockwell Automation (NYSE:ROK) พุ่งขึ้น 12.6% หลังจากผลประกอบการไตรมาสแรกของปีงบประมาณออกมาดีกว่าคาด ส่วนหุ้น Lyft (NASDAQ:LYFT) ดีดตัวขึ้นกว่า 6% หลังจากประกาศแผนเปิดตัวรถแท็กซี่ไร้คนขับที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีของ Mobileye (NASDAQ:MBLY) ในเมืองดัลลัสภายในปี 2026 ส่งผลให้หุ้น Mobileye พุ่งขึ้น 12%
ทั้งนี้ บริษัทยักษ์ใหญ่หลายแห่งเตรียมรายงานผลประกอบการในสัปดาห์นี้ รวมถึง McDonald's (NYSE:MCD), Coca-Cola (NYSE:KO) และ Cisco Systems (NASDAQ:CSCO) ขณะที่พัฒนาการด้าน AI ยังคงเป็นประเด็นสำคัญ โดยเฉพาะหลังจากการเปิดตัวโมเดล AI ราคาประหยัดของ DeepSeek จากจีน ทั้งนี้ รายงานผลประกอบการของ Nvidia ที่กำลังจะมาถึง คาดว่าจะเป็นปัจจัยสำคัญที่ขับเคลื่อนราคาหุ้นในกลุ่ม AI
ด้าน Goldman Sachs ยังคงมีมุมมองเชิงบวก โดยคาดว่าดัชนี S&P 500 จะปรับตัวขึ้น 7% แตะระดับ 6,500 จุดภายในสิ้นปี ทั้งนี้ ธนาคารระบุว่าการเติบโตของกำไรเริ่มกระจายตัวมากขึ้น จากเดิมที่กระจุกตัวอยู่ในกลุ่ม "Magnificent 7" ไปสู่หุ้นในดัชนีที่กว้างขึ้น ขณะเดียวกัน Evercore ISI คาดการณ์ว่า S&P 500 อาจแตะ 6,800 จุดภายในสิ้นปี 2025 แต่เตือนว่าตลาดอาจเผชิญความผันผวนจากความขัดแย้งทางการค้า และแนะนำกลยุทธ์การลงทุนเชิงรับ โดยเน้นหุ้นที่มีโครงการซื้อคืนหุ้นแข็งแกร่งและมีความผันผวนต่ำ พร้อมชี้โอกาสลงทุนในบริษัทที่เน้น AI
รายงานดัชนี CPI ในสัปดาห์นี้ คาดว่าจะสะท้อนการชะลอตัวของอัตราเงินเฟ้อทั่วไปที่อยู่ในระดับใกล้เคียงกับอัตรารายปีของเดือนธันวาคม อย่างไรก็ตาม อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานอาจยังอยู่ในระดับสูง ซึ่งอาจจำกัดความสามารถของ Fed ในการปรับลดอัตราดอกเบี้ย ท่ามกลางอัตราเงินเฟ้อที่ยังคงสูงกว่าระดับเป้าหมาย 2% ของธนาคารกลาง การแถลงของพาวเวลล์จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการกำหนดแนวโน้มของนโยบายการเงินในอนาคต ด้วยมาตรการภาษีใหม่ที่เริ่มมีผลบังคับใช้ และข้อมูลเศรษฐกิจที่ถูกจับตาอย่างใกล้ชิด นักลงทุนควรเตรียมรับมือกับความผันผวนที่อาจเกิดขึ้นในช่วงไม่กี่วันข้างหน้า
ข้อมูลประกอบการวิเคราะห์ทางเทคนิค (1D) CFD US 500 [S&P 500]
แนวต้านสำคัญ : 6069.2, 6078.2, 6092.6
แนวรับสำคัญ : 6040.4, 6031.4, 6017.0
1D Outlook
ที่มา: TradingView
Buy/Long 1 หากมีการแตะแนวรับที่ช่วงราคา 5990.4 - 6040.4 แต่ไม่สามารถเบรกแนวรับที่ 6040.4 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 6073.8 และ SL ที่ประมาณ 5965.4 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Buy/Long 2 หากสามารถเบรกแนวต้านที่ช่วงราคา 6069.2 - 6119.2 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 6125.0 และ SL ที่ประมาณ 6015.0 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Sell/Short 1 หากมีการแตะแนวต้านที่ช่วงราคา 6069.2 - 6119.2 แต่ไม่สามารถเบรกแนวต้านที่ 6069.2 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 6036.0 และ SL ที่ประมาณ 6144.2 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Sell/Short 2 หากสามารถเบรกแนวรับที่ช่วงราคา 5990.4 - 6040.4 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 5986.0 และ SL ที่ประมาณ 6094.0 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Pivot Points Feb 11, 2025 09:03AM GMT+7
Name
|
S3
|
S2
|
S1
|
Pivot Points
|
R1
|
R2
|
R3
|
---|---|---|---|---|---|---|---|
Classic | 5998.2 | 6017 | 6036 | 6054.8 | 6073.8 | 6092.6 | 6111.6 |
Fibonacci | 6017 | 6031.4 | 6040.4 | 6054.8 | 6069.2 | 6078.2 | 6092.6 |
Camarilla | 6044.6 | 6048.1 | 6051.5 | 6054.8 | 6058.5 | 6061.9 | 6065.4 |
Woodie's | 5998.2 | 6017 | 6036 | 6054.8 | 6073.8 | 6092.6 | 6111.6 |
DeMark's | - | - | 6045.4 | 6059.5 | 6083.2 | - | - |
ที่มา: Investing 1, Investing 2
อัพเกรดความรู้เพิ่มเติม: คลิ