ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจของแคนาดาหนุนแนวโน้ม USD/CAD

ผู้ว่าการธนาคารกลางแคนาดา ทิฟฟ์ แม็คเล็ม เตือนว่านโยบายการค้าของสหรัฐฯ และภัยคุกคามจากภาษีศุลกากรโดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กำลังก่อให้เกิดความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะสำหรับภาคธุรกิจและครัวเรือนในแคนาดาและเม็กซิโก แม้ว่าทรัมป์จะระงับการเก็บภาษีนำเข้า 25% จากทั้งสองประเทศเป็นการชั่วคราว แต่ความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้นได้ส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจ ในการกล่าวสุนทรพจน์ที่กรุงเม็กซิโกซิตี้ แม็คเล็มเน้นย้ำว่าความไม่แน่นอนที่ยืดเยื้ออาจขัดขวางการเติบโตทางเศรษฐกิจและทำให้ธนาคารกลางคาดการณ์อนาคตได้ยากขึ้น และเตือนว่าการใช้มาตรการภาษีในวงกว้างอาจสร้างความเสียหายต่อความมั่งคั่งระยะยาวในลักษณะที่นโยบายการเงินไม่สามารถชดเชยได้

นอกเหนือจากความตึงเครียดด้านการค้า ความท้าทายระดับโลกอื่น ๆ เช่น ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี และเหตุการณ์สภาพอากาศสุดขั้ว ล้วนมีความซับซ้อนขึ้นและส่งผลกระทบต่อนโยบายการเงิน โดยแม็คเล็มยอมรับว่าธนาคารกลางกำลังเผชิญแรงกดดันมากขึ้น เนื่องจากความสามารถในการจัดการกับแรงกระแทกทางเศรษฐกิจที่กำลังถูกตั้งคำถาม ในอนาคต แม็คเล็มเน้นถึงความสำคัญของการรักษาเสถียรภาพของราคา การพัฒนารูปแบบคาดการณ์เศรษฐกิจให้แม่นยำยิ่งขึ้น และการร่วมมือกับธนาคารกลางอื่น ๆ ในขณะที่ยังคงยึดมั่นในหลักการเป็นอิสระและอิงข้อมูลเป็นหลัก

ขณะเดียวกัน ตลาดแรงงานของแคนาดาแสดงสัญญาณความแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง อัตราการว่างงานลดลงอย่างไม่คาดคิดมาอยู่ที่ 6.6% ในเดือนมกราคม พร้อมกับการเพิ่มขึ้นของการจ้างงานสุทธิ 76,000 ตำแหน่ง แม้ว่าการจ้างงานจะขยายตัวต่อเนื่อง แต่จำนวนผู้ว่างงานโดยรวมยังคงสูงถึง 1.5 ล้านคน โดยก่อนหน้านี้ นักวิเคราะห์คาดว่าการจ้างงานจะเพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ขณะที่ข้อมูลที่ออกมาดีกว่าคาดการณ์ส่งผลให้ตลาดลดการเดิมพันเกี่ยวกับการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในระยะสั้น โดยการจ้างงานที่เพิ่มขึ้นครอบคลุมถึงตำแหน่งงานเต็มเวลาและพาร์ทไทม์ โดยภาคการผลิตและบริการวิชาชีพเป็นกลุ่มที่ฟื้นตัวได้มากที่สุด นอกจากนี้ การจ้างงานในกลุ่มเยาวชนซึ่งเคยเผชิญปัญหาก็เริ่มฟื้นตัวขึ้นเล็กน้อย

อย่างไรก็ตาม แนวโน้มเศรษฐกิจโดยรวมของแคนาดายังคงเผชิญกับความไม่แน่นอน ตลอดปีที่ผ่านมาเศรษฐกิจเผชิญความท้าทาย โดยการปรับลดอัตราดอกเบี้ยยังไม่สามารถกระตุ้นการใช้จ่ายของผู้บริโภคหรือการลงทุนภาคธุรกิจได้อย่างมีนัยสำคัญ ผลสำรวจของธนาคารกลางแคนาดาพบว่า ธุรกิจต่าง ๆ ยังคงระมัดระวังในการจ้างงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับภัยคุกคามด้านภาษีจากสหรัฐฯ และระดับการย้ายถิ่นฐานที่ลดลง นักเศรษฐศาสตร์บางคนแนะนำว่าหากสหรัฐฯ บังคับใช้มาตรการภาษีอย่างจริงจัง ธนาคารกลางอาจต้องลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติมเพื่อพยุงเศรษฐกิจ

ด้านกิจกรรมทางเศรษฐกิจของแคนาดาส่งสัญญาณหลากหลาย ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ของ Ivey บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจหดตัวในเดือนมกราคม นับเป็นการลดลงครั้งแรกในรอบห้าเดือน ขณะที่ภาคบริการอ่อนแอลงเป็นเดือนที่สองติดต่อกัน โดยธุรกิจจำนวนมากอ้างถึงความไม่แน่นอนด้านการค้าเป็นปัจจัยหลัก แม้ว่าต้นทุนการกู้ยืมที่ลดลงคาดว่าจะช่วยกระตุ้นการเติบโต แต่ความกังวลเกี่ยวกับภาษีของสหรัฐฯ ยังคงส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของตลาด

ทั้งนี้ ภาคการผลิตยังคงขยายตัว แม้ว่าอัตราการเติบโตจะชะลอลง ดัชนี S&P Global Canada Manufacturing PMI ปรับตัวลดลงเล็กน้อย สะท้อนถึงความเชื่อมั่นทางธุรกิจที่ระมัดระวังมากขึ้นจากความไม่แน่นอนด้านภาษี ผู้ผลิตบางรายรายงานว่ายอดสั่งซื้อเพื่อการส่งออกเพิ่มขึ้น เนื่องจากลูกค้าพยายามเร่งคำสั่งซื้อล่วงหน้าเพื่อหลีกเลี่ยงภาษีนำเข้าสหรัฐฯ นอกจากนี้ ต้นทุนวัตถุดิบที่เพิ่มขึ้นจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ที่แข็งค่าขึ้นก็ยิ่งเพิ่มแรงกดดันต่อภาคการผลิต

ด้านค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งค่าขึ้นหลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศเรียกเก็บภาษี 25% สำหรับการนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียมทั้งหมด ซึ่งนำไปสู่ความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจต่อประเทศผู้ส่งออกหลัก เช่น แคนาดา บราซิล เม็กซิโก เกาหลีใต้ และเวียดนาม มาตรการนี้ส่งผลให้สกุลเงินดอลลาร์แคนาดา เยนญี่ปุ่น ยูโร และปอนด์อังกฤษอ่อนค่าลง โดยดอลลาร์แคนาดาร่วงลงสู่ระดับ 1.4307 ดอลลาร์แคนาดา ก่อนจะฟื้นตัวเล็กน้อย

ทั้งนี้ นักลงทุนจับตาถ้อยแถลงของพาวเวลล์ต่อสภาคองเกรสและข้อมูลเงินเฟ้อของสหรัฐฯ เพื่อจับสัญญาณทิศทางนโยบายดอกเบี้ย ขณะที่ความคาดหวังของตลาดเกี่ยวกับการลดดอกเบี้ยยังคงไม่แน่นอน โดยตลาดฟิวเจอร์สสะท้อนถึงการคาดการณ์ของตลาดว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยต่ำกว่า 40 จุดพื้นฐานภายในสิ้นปี โดยนโยบายภาษีของทรัมป์ ซึ่งก่อนหน้านี้ได้จุดชนวนความตึงเครียดทางการค้ากับเม็กซิโก แคนาดา และจีน ยิ่งเพิ่มความกังวลเกี่ยวกับมาตรการตอบโต้จากประเทศคู่ค้า หลังจากที่จีนเตรียมบังคับใช้มาตรการภาษีตอบโต้สินค้าสหรัฐฯ ต่อไป

อย่างไรก็ดี ธนาคารกลางสหรัฐฯ มีแนวโน้มชะลอการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติมเนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อ โดยนักเศรษฐศาสตร์ส่วนใหญ่คาดว่าการลดดอกเบี้ยครั้งต่อไปจะเกิดขึ้นในไตรมาสที่สอง แทนที่จะเป็นเดือนมีนาคม นักวิเคราะห์หลายรายได้ปรับเพิ่มคาดการณ์เงินเฟ้อ โดยอ้างถึงแรงกดดันด้านราคาอันเป็นผลจากนโยบายภาษีของทรัมป์ ขณะที่ความแข็งแกร่งของตลาดแรงงานสหรัฐฯ และการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่ยังคงทรงตัว สนับสนุนให้ Fed ใช้แนวทางที่ระมัดระวังยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจสหรัฐฯ คาดว่าจะเติบโตในอัตรา 2.2% ต่อปีในปี 2025 และ 2.0% ในปี 2026 ซึ่งสูงกว่าประมาณการอัตราการเติบโตที่ไม่ก่อให้เกิดเงินเฟ้อของ Fed ที่ 1.8% ขณะที่อัตราการว่างงาน ซึ่งเพิ่งลดลงสู่ระดับ 4% ถูกคาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเป็น 4.2% ในปี 2025 และ 4.1% ในปี 2026

ด้วยเหตุนี้ เนื่องจากแนวโน้มเศรษฐกิจของแคนาดาที่ยังคงความไม่แน่นอน และจากธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่มีท่าทีระมัดระวังในการปรับลดอัตราดอกเบี้ย จึงคาดว่าอัตราแลกเปลี่ยน USD/CAD จะยังคงมีแนวโน้มขาขึ้น โดยความผันผวนขึ้นอยู่กับข้อมูลเงินเฟ้อของสหรัฐฯ การพัฒนาทางการค้ารวมถึงปัจจัยทางภูมิรัฐศาสตร์ทั่วโลก

ข้อมูลประกอบการวิเคราะห์ทางเทคนิค (1H) CFD USD/CAD

แนวต้านสำคัญ : 1.4341, 1.4344, 1.4348      

แนวรับสำคัญ : 1.4333, 1.4330, 1.4326      

1H Outlook     

ที่มา: TradingView           

Buy/Long 1 หากมีการแตะแนวรับที่ช่วงราคา 1.4325 - 1.4333 แต่ไม่สามารถเบรกแนวรับที่ 1.4333 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.4344 และ SL ที่ประมาณ 1.4321 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Buy/Long 2 หากสามารถเบรกแนวต้านที่ช่วงราคา 1.4341 - 1.4349 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.4362 และ SL ที่ประมาณ 1.4329 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้                 

Sell/Short 1 หากมีการแตะแนวต้านที่ช่วงราคา 1.4341 - 1.4349 แต่ไม่สามารถเบรกแนวต้านที่ 1.4341 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.4333 และ SL ที่ประมาณ 1.4353 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Sell/Short 2 หากสามารถเบรกแนวรับที่ช่วงราคา 1.4325 - 1.4333 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.4320 และ SL ที่ประมาณ 1.4345 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Pivot Points Feb 11, 2025 10:56AM GMT+7