บทวิเคราะห์ GBP/USD วันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2568

Create at 5 days ago (Feb 17, 2025 09:52)

เศรษฐกิจอังกฤษโตเกินคาด เลี่ยงถดถอย แต่ความท้าทายยังรุมเร้า

เศรษฐกิจสหราชอาณาจักรขยายตัวอย่างไม่คาดคิดที่ 0.1% ในไตรมาสสุดท้ายของปี 2024 ทำให้สามารถหลีกเลี่ยงภาวะเศรษฐกิจถดถอยในช่วงต้นปี 2025 ได้อย่างหวุดหวิด การขยายตัวในระดับปานกลางเกิดขึ้นหลังจากภาวะชะงักงันในไตรมาสก่อนหน้า ส่งผลให้อัตราการเติบโตทั้งปีเพิ่มขึ้นเป็น 1.4% จากตัวเลขที่ปรับปรุงใหม่ที่ 1.0% ในช่วงเวลาก่อนหน้า การเติบโตของ GDP ในเดือนธันวาคมที่ 0.4% ซึ่งสูงกว่าการเพิ่มขึ้น 0.1% ในเดือนพฤศจิกายน มีส่วนสำคัญต่อการขยายตัวครั้งนี้

อย่างไรก็ตาม นักเศรษฐศาสตร์ยังคงระมัดระวังต่อแนวโน้มเศรษฐกิจ โดยนักเศรษฐศาสตร์ของ Deutsche Bank ให้ความเห็นว่าแม้เศรษฐกิจสหราชอาณาจักรจะปิดปีด้วยผลงานที่แข็งแกร่ง แต่เตือนถึงความเปราะบางทางเศรษฐกิจที่ยังคงอยู่ เช่น ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่เพิ่มสูงขึ้น ต้นทุนพลังงานที่สูงขึ้น และความเสี่ยงจากสงครามการค้าที่อาจเกิดขึ้น นอกจากนี้ ข้อมูลสำรวจยังบ่งชี้ว่าการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในปี 2025 มีแนวโน้มเป็นไปได้ช้า

ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) ตอบสนองต่อสถานการณ์ดังกล่าวด้วยการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 25 จุดพื้นฐาน สู่ระดับ 4.5% ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแนวโน้มการผ่อนคลายต้นทุนการกู้ยืม หลังจากที่อัตราดอกเบี้ยพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดในรอบ 16 ปี นอกจากนี้ ธนาคารกลางยังปรับลดคาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจในปี 2025 ลงจาก 1.5% เหลือเพียง 0.75% ซึ่งเป็นสัญญาณว่าอาจมีการลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติมในอนาคต ขณะที่ก่อนหน้านี้ มีความกังวลว่าเศรษฐกิจอาจเข้าสู่ภาวะถดถอย หากเกิดการหดตัวในช่วงต้นปี 2025 ต่อเนื่องจากภาวะอ่อนแอในช่วงปลายปี 2024 นักวิเคราะห์จาก Capital Economics ยังคงมีมุมมองเชิงลบ โดยระบุว่าปัจจัยหลักที่เป็นอุปสรรคต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ ได้แก่ ความเชื่อมั่นทางธุรกิจที่อ่อนแอ อัตราการจ้างงานที่ลดลง และกิจกรรมภาคเอกชนที่ซบเซา

แม้ว่าในไตรมาสที่ 4 สหราชอาณาจักรจะมีอัตราการเติบโตที่ดีกว่าเศรษฐกิจหลักของยุโรป เช่น เยอรมนี ฝรั่งเศส และอิตาลี แต่ยังคงตามหลังสหรัฐฯ ซึ่งมีการขยายตัว 0.6% โดยการเติบโตในเดือนธันวาคมได้รับแรงหนุนจากภาคบริการที่แข็งแกร่ง รวมถึงธุรกิจค้าส่ง ผู้จัดจำหน่ายภาพยนตร์ และอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวและการบริการ อย่างไรก็ตาม การใช้จ่ายของภาครัฐและการสะสมสินค้าคงคลังเป็นปัจจัยหลักที่ช่วยหนุนเศรษฐกิจ ขณะที่การลงทุนทางธุรกิจลดลงถึง 3.2% และการใช้จ่ายของภาคครัวเรือนยังคงซบเซา ท่ามกลางการลดลงอย่างมากของการลงทุนทางธุรกิจทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของมาตรการขึ้นภาษี 25,000 ล้านปอนด์ ซึ่งรัฐบาลแรงงานประกาศใช้ในงบประมาณเดือนตุลาคม

อย่างไรก็ดี แรงส่งทางเศรษฐกิจของสหราชอาณาจักรเริ่มอ่อนแอลง โดยธุรกิจต่าง ๆ ปรับลดการจ้างงานและการลงทุนเพื่อลดผลกระทบจากการขึ้นภาษีและความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ ผลสำรวจจากสมาพันธ์การจ้างงานและการสรรหาพบว่าตำแหน่งงานว่างลดลงอย่างรวดเร็วที่สุดนับตั้งแต่ปี 2020 นอกจากนี้ อัตราการเติบโตของค่าจ้างที่ชะลอตัวอาจช่วยลดความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อของ BoE ขณะที่ตลาดแรงงานโดยรวมยังคงอ่อนแอ ท่ามกลางความเชื่อมั่นของธุรกิจขนาดเล็กที่ลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบห้าปี โดยการขึ้นภาษีส่งผลให้ธุรกิจหลายแห่งต้องขึ้นราคาสินค้าหรือปรับลดจำนวนพนักงาน และยิ่งเพิ่มแรงกดดันทางเศรษฐกิจ

ด้านประสิทธิภาพการผลิตในภาครัฐยังคงซบเซา โดยเฉพาะในภาคสาธารณสุขซึ่งยังไม่สามารถฟื้นตัวกลับสู่ระดับก่อนเกิดโรคระบาดได้ แม้ว่าจะได้รับงบประมาณเพิ่มเติม โดยตั้งแต่ปี 2019 เป็นต้นมา ผลผลิตของภาครัฐโดยรวมลดลงถึง 8% ส่งผลให้การเงินภาครัฐเผชิญแรงกดดันมากขึ้น และทำให้มาตรฐานการครองชีพของประชาชนซบเซา ในขณะเดียวกัน ตลาดที่อยู่อาศัยของสหราชอาณาจักรชะลอตัวลงก่อนการขึ้นภาษีที่กำลังจะเกิดขึ้น ส่งผลให้ราคาอสังหาริมทรัพย์เติบโตลดลง แม้ว่าความต้องการซื้อบ้านเพิ่มขึ้น แต่ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ยและนโยบายภาษียังคงเป็นปัจจัยกดดันต่อภาคอสังหาริมทรัพย์

ในปี 2025 สหราชอาณาจักรต้องเผชิญกับปัจจัยเสี่ยงทางเศรษฐกิจหลายประการ เช่น อุปสงค์ทั่วโลกที่อ่อนแอ ราคาพลังงานที่สูงขึ้น และความเป็นไปได้ของมาตรการกีดกันทางการค้าใหม่ ๆ แม้ว่ารัฐบาลจะผลักดันการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานและการปฏิรูปกฎระเบียบเพื่อกระตุ้นการเติบโต แต่นักวิเคราะห์หลายรายยังคงสงสัยในประสิทธิผลของมาตรการดังกล่าว ด้วยต้นทุนการกู้ยืมที่ยังคงอยู่ในระดับสูงและแรงกดดันทางการคลังที่เพิ่มขึ้น รัฐมนตรีกระทรวงการคลัง ราเชล รีฟส์ อาจต้องพิจารณามาตรการลดค่าใช้จ่ายของภาครัฐเพื่อให้สามารถดำเนินนโยบายการเงินอยู่ในกรอบเป้าหมายได้

ในด้านการค้า สหรัฐฯ มีมุมมองต่อความสัมพันธ์ทางการค้ากับสหราชอาณาจักรที่แตกต่างจากประเทศอื่น ๆ เนื่องจากไม่ได้มีปัญหาขาดดุลการค้ากับสหราชอาณาจักรอย่างมีนัยสำคัญ อย่างไรก็ตาม ความท้าทายยังคงอยู่ โดยเฉพาะในเรื่องภาษีศุลกากร โดยสหราชอาณาจักรหวังว่าจะได้รับการยกเว้นภาษีสำหรับผลิตภัณฑ์เหล็กและอะลูมิเนียม โดยให้เหตุผลว่าสินค้าเหล่านี้มีความสำคัญต่ออุตสาหกรรมกลาโหมและห่วงโซ่อุปทานการผลิตของสหรัฐฯ ขณะที่ล่าสุด ทรัมป์ประกาศเก็บภาษีเหล็กและอะลูมิเนียมที่นำเข้าทั้งหมดในอัตรา 25% แต่ได้ส่งสัญญาณว่าอาจมีข้อตกลงพิเศษกับอังกฤษ 

ในตลาดการเงิน ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนค่าลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบสองเดือน ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากความล่าช้าในการดำเนินนโยบายภาษีของทรัมป์ แม้ว่ากลยุทธ์ทางการค้าโดยรวมจะยังไม่เปลี่ยนแปลง แต่การดำเนินนโยบายที่ล่าช้าทำให้ตลาดผ่อนคลายความตึงเครียดลงชั่วคราว ในขณะเดียวกัน สถานการณ์ทางภูมิรัฐศาสตร์ โดยเฉพาะความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน ดึงดูดความสนใจของนักลงทุนอีกครั้ง

ในสหรัฐฯ ยอดค้าปลีกในเดือนมกราคมลดลงมากที่สุดในรอบเกือบสองปี ซึ่งอาจเป็นผลมาจากสภาพอากาศที่รุนแรง ไฟป่า และปัญหาขาดแคลนรถยนต์ อย่างไรก็ตาม นักเศรษฐศาสตร์เตือนว่าการลดลงนี้อาจไม่ใช่สัญญาณของการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมผู้บริโภค เนื่องจากเกิดขึ้นหลังจากการใช้จ่ายที่ขยายตัวอย่างแข็งแกร่งติดต่อกันสี่เดือน โดยนักเศรษฐศาสตร์บางรายเชื่อว่าความไม่แน่นอนของผู้บริโภค ซึ่งได้รับอิทธิพลจากความกังวลเกี่ยวกับภาษีและเงินเฟ้อ อาจมีส่วนทำให้ยอดขายลดลง ขณะที่ก่อนหน้านี้ ผู้บริโภคมีแนวโน้มเร่งซื้อสินค้าก่อนที่ราคาจะปรับขึ้นจากมาตรการภาษี ท่ามกลางความเชื่อมั่นปัจจุบันที่เริ่มอ่อนตัวลง

ข้อมูลเศรษฐกิจเพิ่มเติมยังระบุว่า สต็อกสินค้าธุรกิจในสหรัฐฯ ลดลงในเดือนธันวาคมเป็นครั้งแรกในรอบเก้าเดือน เนื่องจากอุปสงค์ของผู้บริโภคที่แข็งแกร่งทำให้ระดับสินค้าคงคลังของภาคค้าปลีกและค้าส่งลดลง อย่างไรก็ตาม ยอดขายภาคธุรกิจยังคงเพิ่มขึ้น ซึ่งบ่งชี้ถึงอุปสงค์ที่มั่นคง แต่เนื่องจากภาคธุรกิจถือครองสินค้าคงคลังในระดับต่ำ ความผันผวนของอุปสงค์หรือปัญหาห่วงโซ่อุปทานในอนาคตอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจได้ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า

ด้วยเหตุนี้ การปรับลดคาดการณ์การเติบโตของสหราชอาณาจักรในปี 2025 อาจบ่งชี้ถึงนโยบายผ่อนคลายเพิ่มเติม ซึ่งจำกัดการแข็งค่าของ GBP/USD ขณะเดียวกัน ความอ่อนแอของดอลลาร์สหรัฐฯ จากความล่าช้าในการบังคับใช้ภาษีและยอดค้าปลีกที่ซบเซายังคงช่วยพยุงคู่สกุลเงินไว้ได้ อย่างไรก็ตาม แรงกดดันทางเศรษฐกิจเพิ่มเติมในสหราชอาณาจักรหรือความตึงเครียดทางการค้าอาจกดดัน GBP/USD ขณะที่บรรยากาศการลงทุนที่ดีขึ้นหรือข้อมูลเศรษฐกิจของสหราชอาณาจักรที่แข็งแกร่งอาจช่วยหนุนค่าเงินในระยะสั้นได้

ข้อมูลประกอบการวิเคราะห์ทางเทคนิค (1H) CFD GBP/USD

แนวต้านสำคัญ : 1.2601, 1.2606, 1.2614

แนวรับสำคัญ : 1.2585, 1.2580, 1.2572             

1H Outlook

วิเคราะห์ GBP/USD ที่มา: TradingView                        

Buy/Long 1 หากมีการแตะแนวรับที่ช่วงราคา 1.2570 - 1.2585 แต่ไม่สามารถเบรกแนวรับที่ 1.2585 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.2606 และ SL ที่ประมาณ 1.2563 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Buy/Long 2 หากสามารถเบรกแนวต้านที่ช่วงราคา 1.2601 - 1.2616 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.2629 และ SL ที่ประมาณ 1.2578 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้                 

Sell/Short 1 หากมีการแตะแนวต้านที่ช่วงราคา 1.2601 - 1.2616 แต่ไม่สามารถเบรกแนวต้าน 1.2601 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.2585 และ SL ที่ประมาณ 1.2623 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Sell/Short 2 หากสามารถเบรกแนวรับที่ช่วงราคา 1.2570 - 1.2585 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.2556 และ SL ที่ประมาณ 1.2608 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Pivot Points Feb 17, 2025 09:35AM GMT+7

Name
S3
S2
S1
Pivot Points
R1
R2
R3
Classic 1.2564 1.2572 1.2585 1.2593 1.2606 1.2614 1.2627
Fibonacci 1.2572 1.258 1.2585 1.2593 1.2601 1.2606 1.2614
Camarilla 1.2593 1.2595 1.2597 1.2593 1.2601 1.2603 1.2605
Woodie's 1.2568 1.2574 1.2589 1.2595 1.261 1.2616 1.2631
DeMark's - - 1.2589 1.2595 1.261 - -

ที่มา: Investing 1Investing 2

______________________________
อัพเกรดความรู้เพิ่มเติม: คลิกที่นี่
รู้เท่าทันสถานการณ์โลกและบทวิเคราะห์เทคนิคขั้นสูง: คลิกที่นี่
Tags:

TECHNICAL ANALYSIS

ARTICLES