ตลาดระมัดระวัง ท่ามกลางเงินเฟ้อ ภาษีการค้า และนโยบายเฟด
ฟิวเจอร์สดัชนีหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อยในการซื้อขายเบาบางช่วงคืนวันจันทร์ เนื่องจากเป็นวันหยุดตลาด แต่ความเชื่อมั่นของนักลงทุนยังคงระมัดระวังเกี่ยวกับแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่อาจอยู่ในระดับสูงเป็นเวลานาน รวมถึงมาตรการกำแพงภาษีการค้าเพิ่มเติม
ด้าน Walmart (NYSE:WMT) เตรียมรายงานผลประกอบการในสัปดาห์นี้ ซึ่งอาจให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับการใช้จ่ายของผู้บริโภคในสหรัฐฯ ท่ามกลางภาวะเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นและความกังวลเรื่องกำแพงภาษี อัตราการใช้จ่ายของผู้บริโภค ซึ่งเป็นปัจจัยขับเคลื่อนหลักของเศรษฐกิจสหรัฐฯ เริ่มแสดงสัญญาณตึงตัว โดยเงินเฟ้อในเดือนมกราคมพุ่งขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบเกือบ 18 เดือน ขณะที่ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 7 เดือนในเดือนกุมภาพันธ์ ส่งผลให้นักวิเคราะห์จับตาดูผลประกอบการของ Walmart อย่างใกล้ชิด รวมถึงบริษัทคู่แข่งอย่าง Target (NYSE:TGT) และ Home Depot (NYSE:HD) เพื่อประเมินแนวโน้มพฤติกรรมการใช้จ่ายของผู้บริโภค โดยเฉพาะในกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย
ทั้งนี้ ทรัมป์ยังยืนยันแนวทางกำแพงภาษีแบบตอบโต้ โดยระบุว่าภาษีที่ประเทศอื่นเรียกเก็บจากการส่งออกของสหรัฐฯจะถูกเรียกเก็บในอัตราเดียวกันกับสินค้านำเข้าจากประเทศเหล่านั้น นโยบายนี้อาจส่งผลกระทบต่อผู้นำเข้าสินค้าในยุโรปและเอเชีย เนื่องจากหลายประเทศใช้ระบบภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) โดยปัจจุบัน ทรัมป์ได้กำหนดภาษีนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียมที่ 25% และภาษีสินค้าจากจีนที่ 10% แต่ภาษีตอบโต้ใหม่นี้คาดว่าจะมีผลบังคับใช้ในเดือนเมษายน ขณะที่ตลาดตอบรับเชิงบวกต่อการขยายเวลาดังกล่าว ส่งผลให้ดัชนี S&P 500 ปรับตัวขึ้นใกล้ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในสัปดาห์ที่ผ่านมา ท่ามกลางความกังวลว่ากำแพงภาษีเหล่านี้อาจทำให้เงินเฟ้อในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น
ด้าน Alibaba (NYSE:BABA) จะเปิดเผยผลประกอบการในวันพฤหัสบดีนี้ โดยนักลงทุนให้ความสนใจเป็นพิเศษเกี่ยวกับความร่วมมือด้านปัญญาประดิษฐ์ (AI) กับ Apple (NASDAQ:AAPL) เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว โจเซฟ ไช่ ประธานของ Alibaba เปิดเผยว่าบริษัทกำลังร่วมมือกับ Apple เพื่อพัฒนา AI สำหรับ iPhone ที่จำหน่ายในจีน โดยเอาชนะคู่แข่งรายอื่น ๆ เช่น Baidu (NASDAQ:BIDU), Tencent และ ByteDance ขณะที่นักวิเคราะห์ชี้ว่า Apple มีความคืบหน้าในการเปิดตัว AI ในจีนช้ากว่าที่คาดไว้ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะรัฐบาลจีนกำหนดให้ Apple ต้องร่วมมือกับบริษัทท้องถิ่น โดยการไม่มีฟีเจอร์ Apple Intelligence ใน iPhone ที่ขายในจีน ประกอบกับการแข่งขันที่รุนแรงขึ้นในตลาดท้องถิ่น ส่งผลกระทบต่อยอดขายของ Apple ในภูมิภาคนี้
อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์จาก JPMorgan Chase (NYSE:JPM) เตือนว่าหุ้นกลุ่มเติบโตและเทคโนโลยีอาจไม่สามารถรักษาความเป็นผู้นำในตลาดได้ในปี 2025 นับตั้งแต่ตลาดหุ้นปรับตัวลงในปี 2022 หุ้นเติบโต โดยเฉพาะบริษัทที่ขับเคลื่อนด้วย AI เช่น Nvidia (NASDAQ:NVDA) และ Microsoft (NASDAQ:MSFT) ได้ปรับตัวขึ้นอย่างแข็งแกร่ง อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์เตือนว่าความเป็นผู้นำของหุ้นกลุ่ม "Magnificent 7" ที่ลดลง เช่น การเกิดขึ้นของโมเดล AI แบบโอเพนซอร์ซจากจีน อาจเป็นปัจจัยกดดันตลาด แต่ JPMorgan ชี้ว่า สถานการณ์ปัจจุบันอาจไม่เหมือนกับฟองสบู่ดอตคอมในปี 2000 เนื่องจากบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ในปัจจุบันมีงบดุลที่แข็งแกร่งและดำเนินการซื้อหุ้นคืน
ด้านธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) เตรียมเผยแพร่รายงานการประชุมล่าสุดในวันพุธนี้ เพื่อให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับแนวโน้มอัตราดอกเบี้ย โดยในเดือนมกราคม Fed คงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 4.25%-4.5% โดยให้เหตุผลว่าตลาดแรงงานยังแข็งแกร่ง และเงินเฟ้อยังคงอยู่เหนือเป้าหมายของธนาคารกลาง ขณะที่คริสโตเฟอร์ วอลเลอร์ ผู้ว่าการ Fed ระบุว่านโยบายภาษีของทรัมป์จะมีผลกระทบต่อเงินเฟ้อเพียงเล็กน้อย แต่ยังเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการคงอัตราดอกเบี้ยในระยะสั้น ส่งผลให้ตลาดลดความคาดหวังต่อการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีนี้
อีกด้าน ความพยายามทางการทูตในการยุติสงครามรัสเซีย-ยูเครนได้รับความสนใจมากขึ้น เนื่องจากเจ้าหน้าที่สหรัฐฯและรัสเซียมีกำหนดพบกันที่ซาอุดีอาระเบียในสัปดาห์นี้ โดยการเจรจาดังกล่าวอาจเป็นก้าวแรกสู่การเจรจาโดยตรงระหว่างทรัมป์และประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินของรัสเซีย แม้ว่าพันธมิตรยุโรปจะยังไม่แน่ใจเกี่ยวกับบทบาทของตนในการเจรจา แต่นักวิเคราะห์ชี้ว่าข้อตกลงสันติภาพที่อาจเกิดขึ้นอาจส่งผลกระทบต่อตลาดน้ำมันโลก โดยการผ่อนคลายมาตรการคว่ำบาตรต่อพลังงานของรัสเซียอาจเปลี่ยนแปลงปริมาณอุปทานของตลาด แม้ว่าความต้องการที่แข็งแกร่งจะยังคงช่วยให้ราคาน้ำมันดิบทรงตัวในระยะสั้นก็ตาม
ข้อมูลประกอบการวิเคราะห์ทางเทคนิค (1H) CFD US30 DJIA
แนวต้านสำคัญ : 44612.6, 44618.3, 44627.7
แนวรับสำคัญ : 44593.8, 44588.1, 44578.7
1H Outlook
ที่มา: TradingView
Buy/Long 1 หากมีการแตะแนวรับที่ช่วงราคา 44573.8 - 44593.8 แต่ไม่สามารถเบรกแนวรับที่ 44593.8 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 44612.6 และ SL ที่ประมาณ 44563.8 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Buy/Long 2 หากสามารถเบรกแนวต้านที่ช่วงราคา 44612.6 - 44632.6 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 44652.0 และ SL ที่ประมาณ 44583.8 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Sell/Short 1 หากมีการแตะแนวต้านที่ช่วงราคา 44612.6 - 44632.6 แต่ไม่สามารถเบรกแนวต้านที่ 44612.6 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 44587.9 และ SL ที่ประมาณ 44642.6 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Sell/Short 2 หากสามารถเบรกแนวรับที่ช่วงราคา 44573.8 - 44593.8 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 44547.8 และ SL ที่ประมาณ 44622.6 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Pivot Points Feb 18, 2025 09:03AM GMT+7
Name
|
S3
|
S2
|
S1
|
Pivot Points
|
R1
|
R2
|
R3
|
---|---|---|---|---|---|---|---|
Classic | 44563.4 | 44578.7 | 44587.9 | 44603.2 | 44612.4 | 44627.7 | 44636.9 |
Fibonacci | 44578.7 | 44588.1 | 44593.8 | 44603.2 | 44612.6 | 44618.3 | 44627.7 |
Camarilla | 44590.3 | 44592.5 | 44594.8 | 44603.2 | 44599.2 | 44601.5 | 44603.7 |
Woodie's | 44560.2 | 44577.1 | 44584.7 | 44601.6 | 44609.2 | 44626.1 | 44633.7 |
DeMark's | - | - | 44583.2 | 44600.9 | 44607.8 | - | - |
ที่มา: Investing 1, Investing 2
อัพเกรดความรู้เพิ่มเติม: คลิ