บทวิเคราะห์ USD/JPY วันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2568

Create at 2 days ago (Feb 19, 2025 11:10)

เงินเยนแข็งค่าจาก GDP แกร่ง แต่แนวทาง BOJ ยังไม่แน่นอน

เงินเยนของญี่ปุ่นแข็งค่าขึ้น 0.13% สู่ระดับ 151.88 ต่อดอลลาร์สหรัฐฯ โดยได้รับแรงหนุนจากข้อมูล GDP ที่แข็งแกร่งในไตรมาสตุลาคม-ธันวาคม และอัตราเงินเฟ้อที่ยังคงอยู่ในระดับสูง ซึ่งเสริมความคาดหวังว่าธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) อาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนกรกฎาคม อย่างไรก็ตาม ยังมีความไม่แน่นอนเกี่ยวกับจังหวะและขอบเขตของการคุมเข้มนโยบายการเงินในอนาคต

ขณะเดียวกัน GDP ของญี่ปุ่นขยายตัวในอัตราปีละ 2.8% ในไตรมาสที่สี่ ซึ่งสูงกว่าการคาดการณ์ของตลาดที่ 1.0% จากการลงทุนภาคธุรกิจที่เพิ่มขึ้นและการบริโภคภาคเอกชนที่ขยายตัวเล็กน้อย ซึ่งได้รับแรงหนุนจากโบนัสปลายปีที่แข็งแกร่ง ขณะที่การบริโภคภาคเอกชน ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนกว่าครึ่งหนึ่งของผลผลิตทางเศรษฐกิจ เติบโตเพียง 0.1% และต้นทุนค่าครองชีพที่สูงขึ้นอาจเป็นปัจจัยฉุดการใช้จ่ายในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า

ด้านดุลการค้าของญี่ปุ่นแย่ลงในเดือนมกราคม โดยขาดดุลมากกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ 2.76 ล้านล้านเยน (1.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ) และสูงกว่าที่ตลาดคาดไว้ที่ 2.10 ล้านล้านเยน โดยการขาดดุลที่เพิ่มขึ้นเกิดจากการนำเข้าที่พุ่งขึ้น 16.7% เมื่อเทียบกับปีก่อน ซึ่งสูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ที่ 9.7% อย่างมาก ขณะที่ปัจจัยหนุนมาจากอุปสงค์ภายในประเทศที่ปรับตัวดีขึ้นและเงินเยนที่แข็งค่าขึ้น โดยแม้ว่าส่งออกจะขยายตัว 7.2% แต่ยังต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ที่ 7.9% ขณะที่อุปสงค์ที่แข็งแกร่งจากสหรัฐฯ และจีนช่วยหนุนการส่งออกของญี่ปุ่น โดยบริษัทญี่ปุ่นเร่งส่งออกเพื่อเตรียมรับภาษีนำเข้าที่อาจถูกกำหนดภายใต้รัฐบาลของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ทั้งนี้ นโยบายปกป้องการค้าของสหรัฐฯ ที่เพิ่มขึ้น รวมถึงภาษีนำเข้า 25% ที่อาจถูกนำมาใช้กับรถยนต์นำเข้า ได้สร้างความเสี่ยงต่อเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยการส่งออกของญี่ปุ่น เนื่องจากสหรัฐฯ คิดเป็น 20% ของมูลค่าการส่งออกทั้งหมดของญี่ปุ่น

สำหรับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลญี่ปุ่น (JGB) พุ่งสูงขึ้นท่ามกลางแรงกดดันจากเงินเฟ้อ โดยอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 2 ปี และ 10 ปี แตะระดับสูงสุดนับตั้งแต่ปี 2008 ซึ่งเพิ่มขึ้นเกือบสองเท่าตั้งแต่เดือนกันยายนที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม BOJ ยังคงระมัดระวังเกี่ยวกับการคุมเข้มนโยบายการเงินที่มากเกินไป หลังจากที่ญี่ปุ่นเผชิญภาวะเงินฝืดมาเป็นเวลานาน ขณะที่ผลสำรวจของรอยเตอร์ระบุว่า อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานของผู้บริโภคน่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 3.1% ในเดือนมกราคม ซึ่งเป็นอัตราที่สูงที่สุดในรอบ 17 เดือน โดยมีปัจจัยหลักจากต้นทุนอาหารที่เพิ่มขึ้นและการลดเงินอุดหนุนด้านพลังงาน ท่ามกลางอัตราเงินเฟ้อในภาคค้าส่งที่เร่งตัวขึ้น โดยดัชนีราคาสินค้าโภคภัณฑ์ของภาคธุรกิจ (CGPI) ปรับขึ้น 4.2% ในเดือนมกราคม ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 7 เดือน โดยมีปัจจัยหนุนจากราคาสินค้าเกษตรที่พุ่งสูงขึ้น และการยกเลิกเงินอุดหนุนพลังงานของรัฐบาล ที่ยิ่งเพิ่มความกังวลเกี่ยวกับภาวะเงินเฟ้อ

ทั้งนี้ ความคาดหวังของตลาดต่อการเปลี่ยนแปลงนโยบายของ BOJ ทวีความรุนแรงขึ้น โดยนักวิเคราะห์ประเมินว่ามีโอกาส 80% ที่จะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยภายในเดือนกรกฎาคม ธนาคารกลางได้เริ่มปรับทิศทางจากนโยบายการเงินที่ผ่อนคลายเป็นพิเศษ โดยได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นเป็น 0.5% ในเดือนมกราคม ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานของญี่ปุ่นแตะ 3.0% ในเดือนธันวาคม และยังคงอยู่เหนือเป้าหมาย 2% ของ BOJ มาเกือบสามปี อย่างไรก็ตาม ยังคงมีความกังวลว่าความกดดันด้านเงินเฟ้ออาจแซงหน้าการเติบโตของค่าจ้าง ซึ่งอาจจำกัดการใช้จ่ายของครัวเรือน โดยกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ประเมินว่าอัตราดอกเบี้ยที่เป็นกลางของญี่ปุ่น หรือระดับที่ไม่กระตุ้นหรือชะลอเศรษฐกิจ จะอยู่ในช่วง 1% ถึง 2.5%

นอกจากนี้ ญี่ปุ่นได้เริ่มหารือทางการทูตกับสหรัฐฯ เกี่ยวกับนโยบายการค้าของทรัมป์ โดยนายโยชิมาสะ ฮายาชิ หัวหน้าเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเน้นย้ำว่าญี่ปุ่นจะประเมินผลกระทบของมาตรการภาษีใหม่อย่างรอบคอบและตอบสนองอย่างเหมาะสม นายฮิโรชิ วาตานาเบะ อดีตเจ้าหน้าที่ BOJ ระบุว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติมอาจช่วยรักษาเสถียรภาพของเงินเยน ซึ่งเผชิญแรงกดดันจากส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยที่กว้างขึ้นระหว่างญี่ปุ่นและสหรัฐฯ

ขณะเดียวกัน ในวันพุธ ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ยังคงทรงตัวท่ามกลางความตึงเครียดทางการค้าที่ดำเนินต่อไป โดยรัฐบาลของทรัมป์ประกาศว่าจะหารือเพิ่มเติมกับรัสเซียเกี่ยวกับสงครามในยูเครน ขณะที่ทรัมป์ย้ำแผนเรียกเก็บภาษีนำเข้าใหม่ รวมถึงภาษี 25% สำหรับรถยนต์นำเข้า และมาตรการภาษีเพิ่มเติมสำหรับเซมิคอนดักเตอร์และเวชภัณฑ์ นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าหากทรัมป์ยังคงขู่ใช้มาตรการภาษีโดยไม่มีการบังคับใช้จริง นักลงุทนอาจเริ่มลดสถานะซื้อดอลลาร์ลง

ทั้งนี้ ประเด็นด้านการค้ายังส่งผลต่อพฤติกรรมของผู้บริโภคในสหรัฐฯ รายงานจาก CreditCards.com เปิดเผยว่า ชาวอเมริกัน 1 ใน 5 คนมีการจับจ่ายเพิ่มขึ้น เนื่องจากกังวลว่าภาษีของทรัมป์จะทำให้ราคาสินค้าสูงขึ้น ซึ่งโดยปกติแล้ว ภาษีศุลกากรจะกระตุ้นให้เกิดเงินเฟ้อผ่านต้นทุนการนำเข้าที่เพิ่มขึ้น ทำให้ธุรกิจต้องรับภาระต้นทุนที่สูงขึ้นหรือส่งต่อให้กับผู้บริโภค ส่งผลให้มีการกักตุนสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็น เช่น อาหารแห้ง กระดาษชำระ และอุปกรณ์ทางการแพทย์ ส่งผลให้ตลาดกังวลว่าภาษีอาจเร่งให้เงินเฟ้อสูงขึ้น ลดความสามารถของ Fed ในการปรับลดอัตราดอกเบี้ย และชะลอการเติบโตทางเศรษฐกิจ ท่ามกลางบริษัทบางรายที่เริ่มพิจารณาย้ายฐานการผลิตกลับมายังสหรัฐฯ เพื่อลดความเสี่ยงจากภาษีนำเข้า ซึ่งยิ่งเพิ่มความไม่แน่นอนในพลวัตของการค้าโลก

ด้วยเหตุนี้ คู่สกุลเงิน USD/JPY จึงอาจเผชิญกับความผันผวนที่มากขึ้นในระยะใกล้ เนื่องจากตลาดกำลังชั่งน้ำหนักระหว่างการเติบโตของ GDP ที่แข็งแกร่งของญี่ปุ่นและอัตราเงินเฟ้อที่สูงกับความไม่แน่นอนของนโยบายการเงินปัจจุบัน การแข็งค่าของเงินเยนเมื่อเร็วๆ นี้สะท้อนถึงการคาดการณ์ว่า BOJ อาจปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือนกรกฎาคม แต่เนื่องจากอัตราการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในอนาคตยังคงไม่แน่นอน การแข็งค่าของเงินเยนในอนาคตจึงอาจยังคงถูกจำกัด ขณะที่การขาดดุลการค้าของญี่ปุ่นที่เพิ่มขึ้น จากการนำเข้าที่เพิ่มขึ้นและการส่งออกที่อ่อนแอกว่าที่คาดไว้ อาจกดดันให้เงินเยนลดลง ในขณะเดียวกัน ความตึงเครียดทางการค้าของสหรัฐฯ ที่เพิ่มขึ้นและภาษีศุลกากรที่อาจเกิดขึ้นภายใต้การบริหารของทรัมป์ อาจสร้างภาวะหลีกเลี่ยงความเสี่ยง ส่งผลให้ความต้องการเงินดอลลาร์ในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยเพิ่มขึ้น

ข้อมูลประกอบการวิเคราะห์ทางเทคนิค (1DCFD USD/JPY

แนวต้านสำคัญ : 152.19, 152.43, 152.82

แนวรับสำคัญ : 151.41, 151.17, 150.78                       

1D Outlook

วิเคราะห์ USD/JPY ที่มา: TradingView  

Buy/Long 1 หากมีการแตะแนวรับที่ช่วงราคา 150.61 – 151.41 แต่ไม่สามารถเบรกแนวรับที่ 151.41 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 152.37 และ SL ที่ประมาณ 150.21 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Buy/Long 2 หากสามารถเบรกแนวต้านที่ช่วงราคา 152.19 – 152.99 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 153.89 และ SL ที่ประมาณ 151.01 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้                 

Sell/Short 1 หากมีการแตะแนวต้านที่ช่วงราคา 152.19 – 152.99 แต่ไม่สามารถเบรกแนวต้านที่ 152.19 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 151.35 และ SL ที่ประมาณ 153.39 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Sell/Short 2 หากสามารถเบรกแนวรับที่ช่วงราคา 150.61 – 151.41 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 149.70 และ SL ที่ประมาณ 152.59 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Pivot Points Feb 19, 2025 10:57AM GMT+7

Name
S3
S2
S1
Pivot Points
R1
R2
R3
Classic 150.33 150.78 151.35 151.8 152.37 152.82 153.39
Fibonacci 150.78 151.17 151.41 151.8 152.19 152.43 152.82
Camarilla 151.64 151.73 151.83 151.8 152.01 152.11 152.2
Woodie's 150.39 150.81 151.41 151.83 152.43 152.85 153.45
DeMark's - - 151.57 151.91 152.6 - -

ที่มา: Investing 1Investing 2

______________________________
อัพเกรดความรู้เพิ่มเติม: คลิกที่นี่
รู้เท่าทันสถานการณ์โลกและบทวิเคราะห์เทคนิคขั้นสูง: คลิกที่นี่
Tags:

TECHNICAL ANALYSIS

ARTICLES