บทวิเคราะห์ EUR/USD วันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2568

Create at 1 day ago (Feb 21, 2025 10:22)

ยูโรแข็งค่าหลังความเชื่อมั่นนักลงทุนเยอรมนีพุ่ง แต่ความเสี่ยงเศรษฐกิจยังคงอยู่

ยูโรเพิ่มขึ้น 0.8% ในช่วงข้ามคืนและทรงตัวในการซื้อขายเอเชียที่ 1.0498 ดอลลาร์ ขณะที่นักลงทุนจับตาการเลือกตั้งเยอรมนีที่กำลังจะมาถึง ซึ่งคาดว่ากลุ่มพันธมิตรสายอนุรักษ์นิยมจะได้รับชัยชนะ ความเชื่อมั่นของนักลงทุนในเยอรมนีปรับตัวขึ้นแรงที่สุดในรอบสองปีในเดือนกุมภาพันธ์นี้ โดยได้รับแรงหนุนจากความคาดหวังว่าเศรษฐกิจจะดีขึ้นภายใต้รัฐบาลใหม่

สถาบันวิจัยเศรษฐกิจ ZEW รายงานว่าดัชนีความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญจาก 10.3 จุดในเดือนมกราคมเป็น 26.0 จุด สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 20.0 จุด โดยแม้บรรยากาศจะเป็นบวก แต่ภาวะเศรษฐกิจปัจจุบันยังคงอ่อนแอ โดย Achim Wambach ประธาน ZEW ระบุว่าการเพิ่มขึ้นดังกล่าวเกิดจากความหวังในรัฐบาลที่มีบทบาทเชิงรุกและการเติบโตของการบริโภคภาคเอกชนที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นในช่วงหกเดือนข้างหน้า อย่างไรก็ตาม นักเศรษฐศาสตร์ยังคงระมัดระวัง เนื่องจากสองสถาบันวิจัยหลักคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจจะยังคงหดตัวต่อเนื่องไปถึงปี 2025 ซึ่งถือเป็นการหดตัวสามปีติดต่อกันเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์

ทั้งนี้ แม้เศรษฐกิจยูโรโซนจะมีพัฒนาการที่ดีขึ้นเล็กน้อย แต่ยังคงอ่อนแอ Eurostat ปรับประมาณการการเติบโตของ GDP ไตรมาสที่สี่ของปี 2024 ขึ้นเป็น 0.1% ซึ่งสูงกว่าประมาณการก่อนหน้าที่คาดการณ์ว่าจะทรงตัว ท่ามกลางการจ้างงานที่เพิ่มขึ้นเพียง 0.1% โดยแนวโน้มเศรษฐกิจโดยรวมยังคงเปราะบาง ซึ่งคาดว่าอัตราการเติบโตในปี 2025 จะอยู่ที่เพียงกว่า 1%

ปัจจัยที่ยังคงเป็นอุปสรรคต่อการฟื้นตัว ได้แก่ การบริโภคภาคครัวเรือนที่ซบเซา ตลาดแรงงานที่อ่อนแอลง และภาวะถดถอยในภาคอุตสาหกรรม โดยภาคอุตสาหกรรมยังคงเป็นจุดอ่อนหลัก ซึ่งผลผลิตภาคอุตสาหกรรมในเดือนธันวาคมลดลง 1.1% แย่กว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ -0.6% ขณะที่เยอรมนีและอิตาลีประสบภาวะหดตัวอย่างหนัก โดยผลผลิตอุตสาหกรรมลดลง 2.9% และ 3.1% ตามลำดับ โดยต้นทุนพลังงานที่สูง อุปสงค์จากจีนที่ลดลง และการแข่งขันระดับโลกที่รุนแรงขึ้น ยังคงกดดันภาคการผลิตของยุโรป

ขณะเดียวกัน บริษัทข้ามชาติของสหรัฐฯ กำลังใช้ประโยชน์จากอัตราดอกเบี้ยยูโรที่ต่ำเพื่อปรับลดต้นทุนการกู้ยืมผ่านกลยุทธ์ป้องกันความเสี่ยง ผู้เชี่ยวชาญทางการเงินคาดว่ากระแสนี้อาจขยายตัวหากธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) คงอัตราดอกเบี้ยไว้ในขณะที่ธนาคารกลางอื่นๆ เดินหน้าผ่อนคลายนโยบายการเงิน

ความต้องการแลกเปลี่ยนเงินกู้ข้ามสกุลเงิน (cross-currency swaps) ซึ่งเป็นเครื่องมือทางการเงินที่ช่วยให้บริษัทสามารถแลกเปลี่ยนเงินต้นและดอกเบี้ยระหว่างสกุลเงินต่างๆ เพิ่มขึ้นตามช่องว่างอัตราดอกเบี้ยที่กว้างขึ้นระหว่างสหรัฐฯ กับเศรษฐกิจหลักอื่นๆ โดย John Wahr หัวหน้าฝ่ายขายตราสารอัตราดอกเบี้ยของ U.S. Bank ระบุว่ากิจกรรมในตลาด swaps ทั้งการทำสัญญาใหม่และการปรับโครงสร้างเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในธุรกรรม USD-to-EUR ที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันความเสี่ยงด้านการลงทุนสุทธิ ซึ่งการแลกเปลี่ยนดังกล่าวเข้ามามีส่วนช่วยทั้งการประหยัดต้นทุนและการป้องกันความผันผวนของตลาด โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการตอบสนองต่อความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจที่เกิดจากนโยบายการค้าและภาษีศุลกากรของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งตามข้อมูลจาก Clarus บริษัทวิจัยด้านการเงิน มูลค่าการทำธุรกรรม swaps ระหว่าง EUR/USD เพิ่มขึ้น 7% ในเดือนมกราคม 2025 สู่ระดับ 266 พันล้านดอลลาร์ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

ด้านความท้าทายทางเศรษฐกิจของเยอรมนีซับซ้อนขึ้นจากดุลการค้าส่วนเกินกับสหรัฐฯ ที่สูงเป็นประวัติการณ์ถึง 70 พันล้านยูโรในปี 2024 ซึ่งก่อให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับความเป็นไปได้ที่สหรัฐฯ อาจกำหนดภาษีศุลกากรใหม่ภายใต้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งก่อนหน้านี้ได้เพิ่มภาษีเหล็กและอะลูมิเนียม โดยหากมีการกำหนดภาษีศุลกากรใหม่สำหรับสินค้าจากเยอรมนี ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจอาจได้รับผลกระทบอย่างมาก ท่ามกลางการส่งออกของเยอรมนี โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมยานยนต์และเวชภัณฑ์ ที่เพิ่มขึ้น 2.2% ในปีที่ผ่านมา ขณะที่การนำเข้าจากสหรัฐฯ ลดลง 3.4%

ในขณะเดียวกัน ดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักในวันพฤหัสบดี ขณะที่นักลงทุนประเมินแผนภาษีศุลกากรล่าสุดของทรัมป์อีกครั้ง โดยดอลลาร์อ่อนค่าลงเพิ่มเติมหลังจาก Walmart คาดการณ์ยอดขายที่น่าผิดหวัง ซึ่งสร้างความกังวลเกี่ยวกับกำลังซื้อของผู้บริโภคสหรัฐฯ รายงานเศรษฐกิจล่าสุดชี้ให้เห็นว่ายอดค้าปลีกที่ลดลงและความเชื่อมั่นผู้บริโภคที่อ่อนแอลง อาจสะท้อนถึงความกังวลเกี่ยวกับนโยบายการค้าของทรัมป์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาษีศุลกากร 25% ที่อาจถูกนำมาใช้กับสินค้านำเข้าหลัก ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อกำลังซื้อของผู้บริโภค

ขณะเดียวกัน รายงานการประชุมล่าสุดของธนาคารกลางสหรัฐฯ เปิดเผยว่าผู้กำหนดนโยบายยังคงใช้แนวทางระมัดระวังต่อการตัดสินใจเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ย โดยเฉพาะอย่างยิ่งจากความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อที่เชื่อมโยงกับนโยบายการค้าและนโยบายตรวจคนเข้าเมืองของทรัมป์ แม้จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายใหม่จะเพิ่มขึ้นในระดับปานกลาง แต่ตลาดแรงงานโดยรวมยังคงมีเสถียรภาพ โดยได้รับผลกระทบเพียงเล็กน้อยจากการปลดพนักงานภาครัฐหรือการตัดลดงบประมาณภายใต้รัฐบาลของทรัมป์ อย่างไรก็ตาม นักเศรษฐศาสตร์เตือนว่าผลกระทบทางอ้อมต่อภาคเอกชนอาจต้องใช้เวลาจึงจะปรากฏให้เห็น

ขณะที่กิจกรรมภาคการผลิตของสหรัฐฯ ส่งสัญญาณชะลอตัวในเดือนกุมภาพันธ์ โดยอัตราการเติบโตของการผลิตโรงงานในภูมิภาคแอตแลนติกตอนกลางลดลงอย่างมาก

ทั้งนี้ การรวมกันของภาวะเงินเฟ้อที่ยืดเยื้อและนโยบายการค้าที่แข็งกร้าวของทรัมป์ ได้จุดประกายความกังวลเกี่ยวกับภาวะ stagflation ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่เศรษฐกิจเติบโตช้าแต่เงินเฟ้อพุ่งสูง โดยการสำรวจล่าสุดของ Bank of America ระบุว่าผู้จัดการกองทุนทั่วโลกต่างคาดการณ์ถึงความเป็นไปได้ที่ภาวะ stagflation จะเพิ่มขึ้น ในขณะที่ทรัมป์ได้ชะลอการใช้ภาษีบางส่วน แต่ยังคงเดินหน้ากับมาตรการอื่นๆ เช่น การเรียกเก็บภาษี 10% สำหรับสินค้านำเข้าจากจีน และการกำหนดอัตราภาษีใหม่สำหรับเหล็ก อะลูมิเนียม รถยนต์ เซมิคอนดักเตอร์ และเวชภัณฑ์ ผู้เชี่ยวชาญบางคนให้ความเห็นว่าภาษีศุลกากรอาจช่วยส่งเสริมอุตสาหกรรมภายในประเทศในระยะยาว แต่ผลกระทบในระยะสั้นอาจยิ่งเพิ่มแรงกดดันด้านเงินเฟ้อ

ด้วยเหตุนี้ ค่าเงิน EUR/USD อาจมีแนวโน้มผันผวนอย่างต่อเนื่อง จากความอ่อนแอทางเศรษฐกิจของเขตยูโรกับความเสี่ยงด้านนโยบายของสหรัฐฯ แม้ว่าความเชื่อมั่นของนักลงทุนเยอรมันที่เพิ่มขึ้นจะหนุนค่าเงินยูโร แต่ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมที่อ่อนแอและการเติบโตที่ซบเซาอาจจำกัดทิศทางขาขึ้น ขณะที่ค่าเงินดอลลาร์เผชิญแรงกดดันจากความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ลดลงและความกังวลด้านการค้า แต่อาจทรงตัวได้หาก Fed ยังใช้ท่าทีที่ระมัดระวัง ท่ามกลางความต้องการสวอปสกุลเงินที่เพิ่มขึ้นที่อาจทำให้ค่าเงิน EUR/USD ทรงตัวได้ แต่ยังคงมีความเสี่ยงจากภาษีศุลกากรที่อาจเกิดขึ้นกับสินค้าส่งออกของเยอรมนีจากสหรัฐฯ โดยในอนาคตอันใกล้ คู่สกุลเงินอาจเคลื่อนไหวในกรอบแคบๆ โดยมีความเสี่ยงขาลงหากปัญหาในเขตยูโรยังคงดำเนินต่อไปและเฟดยังคงใช้นโยบายที่เข้มงวด

ข้อมูลประกอบการวิเคราะห์ทางเทคนิค (1D) CFD EUR/USD

แนวต้านสำคัญ : 1.0507, 1.0527, 1.0560

แนวรับสำคัญ : 1.0441, 1.0421, 1.0388                  

1D Outlook

วิเคราะห์ EUR/USD ที่มา: TradingView                   

Buy/Long 1 หากมีการแตะแนวรับที่ช่วงราคา 1.0381 - 1.0441 แต่ไม่สามารถทะลุแนวรับที่ 1.0441 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.0530 และ SL ที่ประมาณ 1.0351 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Buy/Long 2 หากสามารถทะลุแนวต้านที่ช่วงราคา 1.0507 - 1.0567 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.0629 และ SL ที่ประมาณ 1.0411 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้                 

Sell/Short 1 หากมีการแตะแนวต้านที่ช่วงราคา 1.0507 - 1.0567 แต่ไม่สามารถทะลุแนวต้านที่ 1.0507 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.0441 และ SL ที่ประมาณ 1.0597 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Sell/Short 2 หากสามารถทะลุแนวรับที่ช่วงราคา 1.0381 - 1.0441 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.0343 และ SL ที่ประมาณ 1.0537 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Pivot Points Feb 21, 2025 10:07AM GMT+7

Name
S3
S2
S1
Pivot Points
R1
R2
R3
Classic 1.0358 1.0388 1.0444 1.0474 1.053 1.056 1.0616
Fibonacci 1.0388 1.0421 1.0441 1.0474 1.0507 1.0527 1.056
Camarilla 1.0476 1.0484 1.0492 1.0474 1.0508 1.0516 1.0524
Woodie's 1.037 1.0394 1.0456 1.048 1.0542 1.0566 1.0628
DeMark's - - 1.0459 1.0481 1.0545 - -

ที่มา: Investing 1Investing 2

______________________________
อัพเกรดความรู้เพิ่มเติม: คลิกที่นี่
รู้เท่าทันสถานการณ์โลกและบทวิเคราะห์เทคนิคขั้นสูง: คลิกที่นี่
Tags:

TECHNICAL ANALYSIS

ARTICLES