บทวิเคราะห์ตลาดหุ้นสหรัฐฯ วันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2568

Create at 2 weeks ago (Feb 25, 2025 09:55)

หุ้นร่วงหนัก กังวลเงินเฟ้อ-ชะลอเศรษฐกิจกดดันตลาด

ตลาดหุ้นร่วงลงหนักในวันศุกร์ เนื่องจากข้อมูลเศรษฐกิจล่าสุดเพิ่มความกังวลของนักลงทุนเกี่ยวกับการชะลอตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ และภาวะเงินเฟ้อที่ยังคงอยู่ ดัชนี S&P 500 ลดลง 1.7% ตลอดทั้งสัปดาห์ ขณะที่ดัชนี Dow และ Nasdaq ต่างปรับตัวลดลง 2.5% โดยแรงขายเร่งตัวขึ้นในช่วงปิดตลาด เนื่องจากนักลงทุนลังเลที่จะถือครองสถานะก่อนสุดสัปดาห์ ท่ามกลางความไม่แน่นอนเกี่ยวกับมาตรการนโยบายของรัฐบาลทรัมป์ โดยเฉพาะเกี่ยวกับภาษีศุลกากรชุดใหม่

ตลาดโดยรวมยังคงเผชิญแรงกดดันจากความกังวลทางเศรษฐกิจและพัฒนาการของบริษัทต่างๆ ดัชนี Nasdaq Composite ลดลงมากกว่า 1% นับเป็นวันที่สี่ของเดือนกุมภาพันธ์ที่ลดลงเกิน 1% ดัชนี S&P 500 ปิดตลาดลดลงเล็กน้อยเป็นวันที่สามติดต่อกัน ขณะที่ Dow Jones ขยับขึ้นเล็กน้อย 33.19 จุด (+0.08%) โดยหุ้นกลุ่มป้องกันความเสี่ยง เช่น กลุ่มเฮลธ์แคร์ นำตลาดด้วยการปรับตัวขึ้น 0.75% ขณะที่หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีร่วงลงมากที่สุดที่ -1.43%

ทั้งนี้ ดัชนี S&P 500 เปิดสัปดาห์ใหม่ด้วยความผันผวน โดยได้รับแรงกดดันจากความกังวลเรื่องเงินเฟ้อ นโยบายการค้า และความอ่อนแอของหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี โดยหุ้น Nvidia (NASDAQ: NVDA) ซึ่งเป็นผู้นำในตลาดเซมิคอนดักเตอร์ AI ร่วงลงกว่า 3% นำการปรับฐานของหุ้นกลุ่มเทคฯ ขณะที่นักลงทุนต่างจับตาผลประกอบการของ Nvidia ที่จะประกาศในวันพุธ ซึ่งจะเป็นตัวชี้วัดความต้องการ AI หลังจากที่บริษัทเผชิญแรงกดดันตั้งแต่เดือนมกราคม จากโมเดล AI ราคาประหยัดจาก DeepSeek ของจีนเข้าสู่ตลาด ขณะที่ Microsoft (NASDAQ: MSFT) ลดลง 1% ในวันจันทร์ และรายงานว่าได้ยกเลิกสัญญาเช่าศูนย์ข้อมูลหลายแห่งในสหรัฐฯ ส่งผลให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปทานล้นตลาดในโครงสร้างพื้นฐาน AI  

ด้านหุ้นขนาดใหญ่ของ S&P 500 มีผลการดำเนินงานที่หลากหลาย Apple Inc. (NASDAQ: AAPL) สวนกระแสการปรับฐานของกลุ่มเทคโนโลยี โดยปรับตัวขึ้น 0.7% หลังประกาศแผนการลงทุน 500 พันล้านดอลลาร์ เพื่อพัฒนา AI วิศวกรรมเกี่ยวกับชิป และการผลิตขั้นสูงในสหรัฐฯ ขณะที่ Nike (NYSE: NKE) พุ่งขึ้น 4.9% หลังจาก Jefferies ปรับคำแนะนำเป็น “ซื้อ” โดยอ้างถึงแนวโน้มการเติบโตที่แข็งแกร่ง ส่วน Berkshire Hathaway (NYSE: BRKa) ทำสถิติสูงสุดใหม่ หลังจากรายงานกำไรประจำปีที่แข็งแกร่ง โดยหุ้นเพิ่มขึ้นกว่า 4%

ในข่าวภาคธุรกิจ หุ้น Supermicro (NASDAQ: SMCI) ร่วงเกือบ 8% ก่อนการรายงานผลประกอบการในวันที่ 25 กุมภาพันธ์ ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับการยื่นเอกสารล่าช้าและปัญหาการกำกับดูแลในอดีต อย่างไรก็ตาม หุ้นของ Supermicro ยังคงสูงขึ้น 34% ในช่วงไม่กี่สัปดาห์ที่ผ่านมา จากแนวโน้มรายได้ที่แข็งแกร่ง โดยคาดการณ์ว่ารายได้ปีงบประมาณ 2026 จะเติบโต 70% ซึ่งส่วนหนึ่งได้รับแรงหนุนจากการเปิดตัวเซิร์ฟเวอร์ Blackwell ของ Nvidia ขณะที่ Alibaba (NYSE: BABA) ร่วงลง 10% หลังประกาศแผนการลงทุน 52.4 พันล้านดอลลาร์ในธุรกิจคลาวด์และ AI ซึ่งเป็นการลงทุนด้านเทคโนโลยีครั้งใหญ่ที่สุดของบริษัท

อย่างไรก็ดี รายงานผลประกอบการยังคงเป็นปัจจัยขับเคลื่อนตลาดในสัปดาห์นี้ โดย Nvidia จะเป็นจุดสนใจหลัก นักวิเคราะห์คาดว่าบริษัทจะรายงานรายได้ไตรมาสที่สูงเป็นประวัติการณ์ที่ 38.32 พันล้านดอลลาร์ เพิ่มขึ้น 73% เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยUBS คงเป้าหมายราคาหุ้นไว้ที่ 185 ดอลลาร์ ซึ่งระบุว่าแนวโน้มการปรับปรุงซัพพลายเชนอาจช่วยเพิ่มยอดขายของ Nvidia ท่ามกลางบริษัทสำคัญอื่นๆ ที่จะรายงานผลประกอบการในสัปดาห์นี้ ได้แก่ The Home Depot (NYSE: HD), Salesforce (NYSE: CRM), Snowflake (NYSE: SNOW), HP (NYSE: HPQ) และ Intuit (NASDAQ: INTU)

ปฏิทินเศรษฐกิจในสัปดาห์นี้จะยังเป็นปัจจัยสำคัญต่อทิศทางตลาด โดยดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อที่ Fed ให้ความสำคัญ จะถูกเปิดเผยในวันศุกร์ พร้อมกับประมาณการจีดีพีไตรมาส 4 ครั้งที่สอง ซึ่งจะช่วยให้นักลงทุนประเมินได้ว่าความกดดันด้านเงินเฟ้อกำลังชะลอลงหรือยังคงอยู่ และจะส่งผลต่อแนวโน้มการดำเนินนโยบายของ Fed ท่ามกลางความผันผวนของตลาด ขณะที่นักลงทุนชั่งน้ำหนักระหว่างความเสี่ยงด้านการเติบโตทางเศรษฐกิจกับความกังวลเรื่องเงินเฟ้อ เว้นแต่ว่าข้อมูลเศรษฐกิจจะออกมาดีเกินคาดหรือความคาดหวังของเฟดเปลี่ยนแปลงไป ดัชนี S&P 500 จะยังคงแนวโน้มขาลง และความผันผวนที่คาดว่าจะยังคงสูงต่อเนื่อง

ข้อมูลประกอบการวิเคราะห์ทางเทคนิค (1H) CFD US 500 [S&P 500]

แนวต้านสำคัญ : 5998.9, 6001.0, 6004.2

แนวรับสำคัญ : 5992.5, 5990.4, 5987.2        

1H Outlook  

วิเคราะห์ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่มา: TradingView                                                                  

Buy/Long 1 หากมีการแตะแนวรับที่ช่วงราคา 5987.5 - 5992.5 แต่ไม่สามารถเบรกแนวรับที่ 5992.5 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 6001.3 และ SL ที่ประมาณ 5985.0 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Buy/Long 2 หากสามารถเบรกแนวต้านที่ช่วงราคา 5998.9 - 6003.9 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 6013.0 และ SL ที่ประมาณ 5990.0 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้                 

Sell/Short 1 หากมีการแตะแนวต้านที่ช่วงราคา 5998.9 - 6003.9 แต่ไม่สามารถเบรกแนวต้านที่ 5998.9 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 5992.5 และ SL ที่ประมาณ 6006.4 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Sell/Short 2 หากสามารถเบรกแนวรับที่ช่วงราคา 5987.5 - 5992.5 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 5979.0 และ SL ที่ประมาณ 6001.4 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Pivot Points Feb 25, 2025 09:21AM GMT+7

Name
S3
S2
S1
Pivot Points
R1
R2
R3
Classic 5984.3 5987.2 5992.8 5995.7 6001.3 6004.2 6009.8
Fibonacci 5987.2 5990.4 5992.5 5995.7 5998.9 6001 6004.2
Camarilla 5996.1 5996.8 5997.6 5995.7 5999.2 6000 6000.7
Woodie's 5985.7 5987.9 5994.2 5996.4 6002.7 6004.9 6011.2
DeMark's - - 5994.2 5996.4 6002.7 - -

ที่มา: Investing 1, Investing 2

______________________________
อัพเกรดความรู้เพิ่มเติม: คลิกที่นี่
รู้เท่าทันสถานการณ์โลกและบทวิเคราะห์เทคนิคขั้นสูง: คลิกที่นี่
Tags:

TECHNICAL ANALYSIS

ARTICLES