สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนนี้ (14 ม.ค.) โดยได้แรงหนุนจากความหวังที่ว่า การที่หลายประเทศเริ่มฉีดวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ให้กับประชาชน และการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐ จะช่วยให้เศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมันทั่วโลกฟื้นตัวขึ้น นอกจากนี้ นักลงทุนยังขานรับตัวเลขสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐที่ลดลงมากกว่าคาดในสัปดาห์ที่ผ่านมา
สัญญาน้ำมันดิบ WTI ส่งมอบเดือนก.พ. เพิ่มขึ้น 66 เซนต์ หรือ 1.3% ปิดที่ 53.57 ดอลลาร์/บาร์เรล
สัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือนมี.ค. เพิ่มขึ้น 36 เซนต์ หรือ 0.6% ปิดที่ 56.42 ดอลลาร์/บาร์เรล
นักลงทุนคาดหวังว่า การฉีดวัคซีนในหลายประเทศจะเป็นปัจจัยหนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและความต้องการใช้น้ำมัน โดยอินเดียจะเปิดโครงการฉีดวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ให้แก่ชาวอินเดียในวันเสาร์นี้ ซึ่งถือเป็นการฉีดวัคซีนครั้งใหญ่ที่สุดของโลก โดยรัฐบาลตั้งเป้าฉีดวัคซีนฟรีให้แก่ประชาชนจำนวน 300 ล้านคนจากประชากรทั้งหมด 1,350 ล้านคนในช่วง 6-8 เดือนข้างหน้า
ทางด้านสเปนประกาศเดินหน้าโครงการฉีดวัคซีนให้กับประชาชนวันละ 67,000 คน ขณะที่ตุรกีได้เริ่มฉีดวัคซีนขนานใหญ่ทั่วประเทศเมื่อวานนี้ โดยเริ่มจากบุคลากรด้านสาธารณสุข
นักลงทุนคาดหวังว่าการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของสหรัฐจะเป็นปัจจัยหนุนความต้องการใช้น้ำมันเช่นกัน โดยล่าสุดนายโจ ไบเดน ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐ ประกาศมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจที่ชื่อว่า "American Rescue Plan" ซึ่งมีวงเงิน 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ โดยมีเป้าหมายที่จะช่วยเหลือภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจให้สามารถรับมือกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
นอกจากนี้ สัญญาน้ำมันดิบยังได้ปัจจัยหนุนหลังจากสำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (EIA) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลง 3.2 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะลดลงเพียง 1.9 ล้านบาร์เรล
ข้อมูลของ EIA ยังระบุว่า สต็อกน้ำมันดิบที่เมืองคูชิง รัฐโอกลาโฮมา ซึ่งเป็นจุดส่งมอบสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้าของสหรัฐ ลดลง 2 ล้านบาร์เรล