การใช้จ่ายผู้บริโภคในอังกฤษฟื้นตัวเล็กน้อยปี 2025 ท่ามกลางความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ
การใช้จ่ายผู้บริโภคในอังกฤษปี 2025 มีแนวโน้มฟื้นตัวเล็กน้อย โดยได้รับแรงหนุนจากรายได้ที่แท้จริงที่เพิ่มขึ้น 1.4% และเงื่อนไขทางการเงินที่ผ่อนคลายขึ้น ตามรายงานของ Bank of America (BofA) ขณะที่การบริโภคคาดว่าจะเติบโต 1.0% แต่การออมที่เพิ่มขึ้นยังคงจำกัดการใช้จ่าย เนื่องจากครัวเรือนยังคงให้ความสำคัญกับการลดหนี้ BofA ประเมินว่าหากอัตราการออมลดลง 1% การเติบโตของการบริโภคอาจเพิ่มขึ้นเป็น 1.7% อย่างไรก็ตาม ความเสี่ยงจากเงินเฟ้อและการว่างงานอาจทำให้อัตราการออมยังอยู่ในระดับสูง
แนวโน้มค้าปลีกยังคงหลากหลาย ข้อมูลจาก Barclays ชี้ว่าการใช้จ่ายเพิ่มขึ้น 1.6% YoY ในช่วงต้นเดือนกุมภาพันธ์ โดยมีผู้บริโภคสูงวัยและการซื้อสินค้าออนไลน์เป็นแรงขับเคลื่อน แต่คาดว่าการเติบโตจะชะลอตัวลงเหลือ 0.3% ในต้นเดือนมีนาคม ขณะที่การใช้จ่ายในสินค้าฟุ่มเฟือยมีแนวโน้มเติบโตดีกว่าสินค้าจำเป็น โดยภาคธุรกิจการเดินทางและคอนเทนต์ดิจิทัลแข็งแกร่ง ขณะที่ธุรกิจเสื้อผ้าและสินค้า DIY ซบเซา
ด้านภาคบริการประสบปัญหากำไรลดลงและความเชื่อมั่นอ่อนแอ โดยเฉพาะธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับผู้บริโภค ผลสำรวจของ CBI พบว่ากำไรในภาคธุรกิจบริการลดลงรุนแรงที่สุดตั้งแต่ปี 2020 ขณะที่ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในภาคบริการลดลงต่ำสุดในรอบสองปี โดยต้นทุนแรงงานที่สูงขึ้น รวมถึงการขึ้นภาษีและการปรับค่าจ้างขั้นต่ำในเดือนเมษายน สร้างความกังวลเพิ่มเติม ท่ามกลางนายจ้างที่คาดว่าจะมีการลดพนักงานมากขึ้น
ทั้งนี้ ความเชื่อมั่นภาคธุรกิจยังคงขาดทิศทางที่แน่ชัด ผลสำรวจของ Lloyds Bank ระบุว่าความเชื่อมั่นทางธุรกิจยังคงอยู่ในระดับสูงสุดตั้งแต่กลางปี 2024 แม้ว่าจะมีความกังวลเกี่ยวกับภาษีและค่าจ้าง โดยสองในสามของธุรกิจวางแผนขึ้นราคา ซึ่งอาจหนุนเงินเฟ้อและสร้างความซับซ้อนต่อการตัดสินใจของ BoE
ด้านตลาดแรงงานอังกฤษเผชิญอุปสรรค โดยพบการประกาศรับสมัครงานเดือนมกราคมลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบสี่ปี (-4.5% YoY) ตามข้อมูลจาก Adzuna ขณะที่แม้ว่าจำนวนตำแหน่งงานจะลดลง แต่ค่าจ้างตามประกาศเพิ่มขึ้น 7% สะท้อนถึงการแข่งขันเพื่อแย่งชิงแรงงานที่มีทักษะ โดยธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) คาดว่าการชะลอตัวของตลาดแรงงานจะช่วยบรรเทาแรงกดดันเงินเฟ้อและสนับสนุนการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติม
นอกจากนี้ ภาคการผลิตยังคงอยู่ภายใต้แรงกดดัน แม้มีสัญญาณทรงตัว โดยผลสำรวจของ CBI คาดว่าการผลิตอาจเติบโตเพียงเล็กน้อย แต่อุปสงค์ยังคงได้รับผลกระทบจากการขึ้นภาษี ต้นทุนพลังงานที่สูง และความต้องการจากต่างประเทศที่ซบเซา โดยผลผลิตภาคอุตสาหกรรมลดลง 1.7% ในปี 2024 และลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่ห้า ท่ามกลางผลิตภาพที่ปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อยในช่วงปลายปี 2024 โดยผลผลิตต่อชั่วโมงทำงานในไตรมาส 4 เพิ่มขึ้น 0.7% ฟื้นตัวจากการลดลงก่อนหน้านี้
ด้านตลาดที่อยู่อาศัยในอังกฤษยังคงฟื้นตัวได้ดี โดยราคาบ้านเดือนธันวาคม 2024 เพิ่มขึ้น 4.6% YoY จากต้นทุนการกู้ยืมที่ลดลงและแรงซื้อก่อนการเปลี่ยนแปลงภาษี ขณะที่ค่าเช่าโดยเฉพาะในลอนดอนพุ่งขึ้น 11% YoY
ทั้งนี้ BoE คาดว่าจะลดดอกเบี้ยอย่างระมัดระวังท่ามกลางความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ โดยรองผู้ว่าการ Dave Ramsden เน้นย้ำถึงแนวทางที่รอบคอบเพื่อสร้างสมดุลระหว่างความเสี่ยงเงินเฟ้อและการกระตุ้นเศรษฐกิจที่อ่อนแอ
อีกด้าน ดอลลาร์ทรงตัวเมื่อวันศุกร์ หลังจากข้อมูลเงินเฟ้อสนับสนุนท่าทีระมัดระวังของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ต่อการลดดอกเบี้ย โดยดัชนีราคารายจ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) เดือนมกราคมเพิ่มขึ้น 0.3% เท่ากับเดือนธันวาคม ขณะที่ อัตราเงินเฟ้อ PCE พื้นฐานลดลงเหลือ 2.6% จาก 2.9% ท่ามกลางการใช้จ่ายผู้บริโภคที่ลดลง 0.2% สวนทางกับการเพิ่มขึ้น 0.8% ในเดือนธันวาคม
GDP สหรัฐฯ ชะลอตัวในไตรมาส 4 อยู่ที่ 2.3% ลดลงจาก 3.1% ในไตรมาส 3 โดยได้รับแรงหนุนจากการใช้จ่ายภาครัฐและการส่งออก แต่ถูกฉุดโดยการลงทุนภาคธุรกิจที่อ่อนแอ สภาพอากาศหนาวจัดและความกังวลด้านภาษียังเป็นปัจจัยกดดัน ท่ามกลางการขอรับสวัสดิการว่างงานเพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 5 เดือน ขณะที่ความสามารถในการเข้าถึงตลาดที่อยู่อาศัยคาดว่าจะดีขึ้นเล็กน้อย เนื่องจากอัตราดอกเบี้ยจำนองที่ลดลง แม้ว่าราคาบ้านจะยังอยู่ในระดับสูง
ทั้งนี้ ขาดดุลการค้าเพิ่มขึ้นในเดือนมกราคม ขณะที่ธุรกิจเร่งนำเข้าสินค้าก่อนภาษีนำเข้ามีผลในเดือนมีนาคม โดยการขาดดุลการค้าเพิ่มขึ้น 25.6% สู่ 153.3 พันล้านดอลลาร์ ขณะที่มูลค่านำเข้าเพิ่มขึ้น 12% เป็น 325.4 พันล้านดอลลาร์ ทรัมป์ยืนยันว่าการขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากเม็กซิโก แคนาดา และจีนที่ถูกเลื่อนออกไปก่อนหน้านี้ จะมีผลบังคับใช้ในช่วงต้นเดือนมีนาคม ซึ่งสร้างความกังวลเกี่ยวกับราคาสินค้าที่อาจปรับตัวสูงขึ้น ส่งผลให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ สาขาแอตแลนตาคาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ ในไตรมาสแรกจะหดตัว 1.5% ต่อปี และได้ปรับลดคาดการณ์การเติบโตลงจากเดิม
ด้าน Beth Hammack ประธาน Fed สาขาคลีฟแลนด์ ส่งสัญญาณว่า Fed อาจจะเดินหน้าลดขนาดงบดุลต่อไป ท่ามกลางความไม่แน่นอนทางการคลัง โดยตั้งแต่ปี 2022 Fed ได้ลดขนาดงบดุลลงจาก 9 ล้านล้านดอลลาร์ และคาดว่าอาจหยุดกระบวนการดังกล่าวภายในช่วงกลางปี อย่างไรก็ตาม Hammack ระบุว่ากระบวนการนี้อาจขยายออกไป โดย Fed อาจใช้มาตรการซื้อคืนพันธบัตรชั่วคราวเพื่อบริหารสภาพคล่องหากจำเป็น
อย่างไรก็ดี เศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังคงเผชิญสัญญาณที่หลากหลาย แม้อัตราเงินเฟ้อจะชะลอตัวลง แต่การใช้จ่ายผู้บริโภคที่อ่อนแออาจส่งสัญญาณเศรษฐกิจซบเซา โดยนักลงทุนยังคงคาดการณ์ว่า Fed จะลดดอกเบี้ยในเดือนมิถุนายนและกันยายน ขณะที่ความไม่แน่นอนยังคงเพิ่มสูงขึ้น ท่ามกลางนักวิเคราะห์บางรายที่เตือนถึงภาวะ stagflation ที่เศรษฐกิจโตช้าแต่เงินเฟ้ออยู่ในระดับสูง
ด้วยเหตุนี้ คู่สกุล GBP/USD อาจยังคงแนวโน้มเคลื่อนไหวที่ไม่แน่ชัดในช่วงไม่กี่เดือนข้างหน้า โดยมีโอกาสปรับตัวขึ้นในระดับปานกลางจากการฟื้นตัวของการใช้จ่ายผู้บริโภคในสหราชอาณาจักร แต่ยังถูกกดดันจากความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจที่ต่อเนื่อง หากข้อมูลค้าปลีกและตลาดแรงงานของสหราชอาณาจักรปรับตัวดีขึ้น ขณะที่เศรษฐกิจสหรัฐฯ ชะลอตัว GBP/USD อาจมีแรงหนุนให้ปรับตัวขึ้น อย่างไรก็ตาม ค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นจากเงินเฟ้อสหรัฐฯ ที่ยังคงอยู่ในระดับสูงและการชะลอการปรับลดดอกเบี้ยของ Fed อาจจำกัดการแข็งค่าของปอนด์
ข้อมูลประกอบการวิเคราะห์ทางเทคนิค (30Min) CFD GBP/USD
แนวต้านสำคัญ : 1.2606, 1.2608, 1.2612
แนวรับสำคัญ : 1.2598, 1.2596, 1.2592
30Min Outlook
ที่มา: TradingView
Buy/Long 1 หากมีการแตะแนวรับที่ช่วงราคา 1.2592 - 1.2598 แต่ไม่สามารถเบรกแนวรับที่ 1.2598 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.2607 และ SL ที่ประมาณ 1.2589 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Buy/Long 2 หากสามารถเบรกแนวต้านที่ช่วงราคา 1.2606 - 1.2612 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.2617 และ SL ที่ประมาณ 1.2595 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Sell/Short 1 หากมีการแตะแนวต้านที่ช่วงราคา 1.2606 - 1.2612 แต่ไม่สามารถเบรกแนวต้าน 1.2606 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.2597 และ SL ที่ประมาณ 1.2615 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Sell/Short 2 หากสามารถเบรกแนวรับที่ช่วงราคา 1.2592 - 1.2598 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.2585 และ SL ที่ประมาณ 1.2609 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Pivot Points Mar 3, 2025 10:48AM GMT+7
Name
|
S3
|
S2
|
S1
|
Pivot Points
|
R1
|
R2
|
R3
|
---|---|---|---|---|---|---|---|
Classic | 1.2587 | 1.2592 | 1.2597 | 1.2602 | 1.2607 | 1.2612 | 1.2617 |
Fibonacci | 1.2592 | 1.2596 | 1.2598 | 1.2602 | 1.2606 | 1.2608 | 1.2612 |
Camarilla | 1.2598 | 1.2599 | 1.26 | 1.2602 | 1.2602 | 1.2603 | 1.2604 |
Woodie's | 1.2585 | 1.2591 | 1.2595 | 1.2601 | 1.2605 | 1.2611 | 1.2615 |
DeMark's | - | - | 1.2594 | 1.26 | 1.2604 | - | - |
ที่มา: Investing 1, Investing 2
อัพเกรดความรู้เพิ่มเติม: คลิ