หุ้นสหรัฐฯ ฟื้นตัว กังวลสงครามการค้าต่อเนื่อง
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดบวกในวันศุกร์ ปิดฉากสัปดาห์ที่ผันผวนและเดือนที่ขาดทุนสำหรับดัชนีหลัก หลังจากตลาดเผชิญความผันผวน ร่วงลงท่ามกลางการประชุมที่ตึงเครียดระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ และประธานาธิบดียูเครน โวโลดีมีร์ เซเลนสกี
อย่างไรก็ตาม ตลาดหุ้นกลับมาฟื้นตัวและปิดตลาดในแดนบวก ขณะที่ S&P 500 เริ่มต้นสัปดาห์ด้วยแนวโน้มที่อ่อนแอ โดยร่วงลงในวันจันทร์จากความกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าทั่วโลกที่กลับมาอีกครั้ง หลังจากที่ทรัมป์ยืนยันว่าภาษีศุลกากรต่อเม็กซิโกและแคนาดาจะมีผลในวันอังคาร พร้อมลงนามคำสั่งเพิ่มภาษีศุลกากรต่อจีน โดยทรัมป์ระบุว่า "ไม่มีช่องว่างให้เจรจา" ในการป้องกันการขึ้นภาษี ซึ่งข้อมูลดังกล่าวส่งผลให้หุ้นผู้ผลิตรถยนต์สหรัฐฯ ร่วงลง โดยหุ้น General Motors (NYSE:GM) ลดลง 3.6% ท่ามกลางการฟื้นตัวช่วงท้ายของตลาดเกิดจากการปรับสมดุลดัชนีและปัจจัยทางเทคนิค โดยพบคำสั่งซื้อสุทธิจำนวนมากในคำสั่งซื้อขายที่ราคาปิดตลาดในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก
ทั้งนี้ ในเดือนกุมภาพันธ์ ดัชนี Nasdaq ร่วงลงมากที่สุด โดยลดลงเกือบ 4% รวมถึงขาดทุน 3.5% ตลอดทั้งสัปดาห์ ซึ่งเป็นผลการดำเนินงานรายเดือนที่แย่ที่สุดนับตั้งแต่เดือนเมษายน 2024 ดัชนี S&P 500 ลดลง 1% ในสัปดาห์และ 1.4% ตลอดทั้งเดือน ขณะที่ดัชนี Dow Jones มีผลการดำเนินงานดีกว่าเล็กน้อย โดยเพิ่มขึ้น 1% ในสัปดาห์ แต่ลดลง 1.6% ในเดือนกุมภาพันธ์ โดยดัชนี S&P 500 ร่วงลงนำโดยกลุ่มเทคโนโลยีและพลังงาน ขณะที่หุ้นเติบโตขนาดใหญ่ส่วนใหญ่ปิดตลาดลดลง รวมถึง Amazon (NASDAQ:AMZN) ที่ปิดตลาดลดลง 3.4% ท่ามกลางภาคเทคโนโลยี โดยเฉพาะบริษัทปัญญาประดิษฐ์และเซมิคอนดักเตอร์ เผชิญแรงเทขายหนัก ส่งผลให้หุ้น Nvidia (NASDAQ:NVDA) ร่วง 8.7% และเข้าสู่แนวโน้มขาลง
ด้านฤดูกาลรายงานผลประกอบการใกล้สิ้นสุดลง แต่ยังมีรายงานจากบริษัทสำคัญๆ รอเปิดเผย โดยนักลงทุนจับตาผลประกอบการของ Broadcom Inc. (NASDAQ:AVGO) และ Costco Wholesale (NASDAQ:COST) โดย Broadcom ซึ่งเป็นบริษัทสำคัญในกระแส AI เตรียมเปิดเผยผลประกอบการไตรมาสแรกปีงบประมาณ 2025 ในวันที่ 6 มีนาคม โดยนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่ากำไรต่อหุ้นจะเพิ่มขึ้น 47.7% เมื่อเทียบกับปีก่อน นอกจากนี้ ยังมีบริษัทอื่น ๆ ที่จะรายงานผลประกอบการในสัปดาห์นี้ ได้แก่ CrowdStrike (NASDAQ:CRWD), MongoDB (NASDAQ:MDB) และ Hewlett Packard Enterprise (NYSE:HPE) โดยแม้ว่าหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีจะอ่อนแอ แต่หุ้นกลุ่มป้องกันความเสี่ยง เช่น อสังหาริมทรัพย์ การดูแลสุขภาพ สาธารณูปโภค และสินค้าอุปโภคบริโภค ยังคงมีผลการดำเนินงานที่ดี
ด้านนักกลยุทธ์ของ Goldman Sachs เตือนว่าการฟื้นตัวของ S&P 500 อาจเผชิญแรงกดดันในระยะสั้น หลังจากตลาดร่วงลง 5% เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับการเติบโตทางเศรษฐกิจและการปรับพอร์ตของนักลงทุน พร้อมทั้งระบุว่าหุ้นวัฏจักรมีผลตอบแทนที่ต่ำกว่าหุ้นป้องกันความเสี่ยงถึง 9% และดัชนีความเชื่อมั่นอยู่ที่ -0.4 ซึ่งส่งสัญญาณถึงแนวโน้มที่ต้องใช้ความระมัดระวัง อย่างไรก็ตาม Goldman Sachs ยังคงเป้าหมายปลายปีของ S&P 500 ที่ 6,500 จุด ซึ่งหมายถึงการเพิ่มขึ้น 9% จากระดับปัจจุบัน ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับแนวโน้มเศรษฐกิจที่ดีขึ้น
ขณะเดียวกัน นักกลยุทธ์ของ Citi เตือนว่าตลาดอาจยังไม่ได้สะท้อนความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับภาษีของทรัมป์อย่างเต็มที่ แม้ว่าผลประกอบการไตรมาสสี่ที่แข็งแกร่งจะช่วยสร้างบรรยากาศเชิงบวกในปี 2025 แต่ Citi คาดว่าประมาณการกำไรจะถูกปรับลดลง โดยนักวิเคราะห์คาดว่า EPS จะลดลงอยู่ในช่วง 265-268 ดอลลาร์ ก่อนจะทรงตัวใกล้เป้าหมายที่ 270 ดอลลาร์ภายในสิ้นปี พร้อมทั้งชี้ว่า แม้ว่าความเสี่ยงด้านภาษีและเศรษฐกิจมหภาคยังคงอยู่ แต่ปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งอาจยังสนับสนุนการเติบโตของกำไรบริษัทได้
นักลงทุนกำลังจับตารายงานเศรษฐกิจที่กำลังจะมาถึง โดยเฉพาะรายงานการจ้างงานของสหรัฐฯ ซึ่งคาดว่าจะมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 133,000 ตำแหน่งในเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นตัวเลขต่ำสุดในรอบสี่เดือน ขณะที่อัตราว่างงานคาดว่าจะอยู่ที่ 4% และการเติบโตของค่าจ้างอาจชะลอตัวลงเหลือ 0.2% อย่างไรก็ตาม นักกลยุทธ์ของ Goldman Sachs คาดว่าตัวเลขการจ้างงานจะสูงกว่านี้ โดยประมาณการณ์ที่ 170,000 ตำแหน่ง โดยอ้างอิงจากดัชนีเศรษฐกิจเชิงบวกและการจ้างงานที่ได้รับแรงหนุนจากผู้อพยพ ขณะที่ตัวชี้วัดตลาดแรงงานอื่น ๆ ที่จะเผยแพร่ในสัปดาห์นี้ ได้แก่ การจ้างงานภาคเอกชนของ ADP, รายงานการปลดพนักงานของ Challenger และข้อมูลผลิตภาพแรงงานและต้นทุนแรงงาน นอกจากนี้ ดัชนี PMI ภาคการผลิตของ ISM คาดว่าจะสะท้อนถึงการชะลอตัวของกิจกรรมโรงงานเล็กน้อย ขณะที่ดัชนี PMI ภาคบริการอาจแสดงถึงการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ต่อเนื่อง
ข้อมูลประกอบการวิเคราะห์ทางเทคนิค (1H) CFD US30 DJIA
แนวต้านสำคัญ : 43268.9, 43289.1, 43322.0
แนวรับสำคัญ : 43203.1, 43182.9, 43150.0
1H Outlook
ที่มา: TradingView
Buy/Long 1 หากมีการแตะแนวรับที่ช่วงราคา 43133.1 - 43203.1 แต่ไม่สามารถเบรกแนวรับที่ 43203.1 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 43288.5 และ SL ที่ประมาณ 43098.1 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Buy/Long 2 หากสามารถเบรกแนวต้านที่ช่วงราคา 43268.9 - 43338.9 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 43400.0 และ SL ที่ประมาณ 43168.0 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Sell/Short 1 หากมีการแตะแนวต้านที่ช่วงราคา 43268.9 - 43338.9 แต่ไม่สามารถเบรกแนวต้านที่ 43268.9 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 43202.5 และ SL ที่ประมาณ 43373.9 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Sell/Short 2 หากสามารถเบรกแนวรับที่ช่วงราคา 43133.1 - 43203.1 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 43083.0 และ SL ที่ประมาณ 43304.0 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Pivot Points Mar 4, 2025 08:42AM GMT+7
Name
|
S3
|
S2
|
S1
|
Pivot Points
|
R1
|
R2
|
R3
|
---|---|---|---|---|---|---|---|
Classic | 43116.5 | 43150 | 43202.5 | 43236 | 43288.5 | 43322 | 43374.5 |
Fibonacci | 43150 | 43182.9 | 43203.1 | 43236 | 43268.9 | 43289.1 | 43322 |
Camarilla | 43231.3 | 43239.2 | 43247.1 | 43236 | 43262.9 | 43270.8 | 43278.7 |
Woodie's | 43126.1 | 43154.8 | 43212.1 | 43240.8 | 43298.1 | 43326.8 | 43384.1 |
DeMark's | - | - | 43219.2 | 43244.4 | 43305.2 | - | - |
ที่มา: Investing 1, Investing 2
อัพเกรดความรู้เพิ่มเติม: คลิ