Goldman Sachs เตือนตลาดหุ้น Wall Street อาจปรับฐานรุนแรงในไม่ช้า ! ทำให้นักลงทุนต้องระวังตัวไว้ตลอดเวลา !
Jan Hatzius หัวหน้านักวิเคราะห์ของ Goldman Sachs ออกมากล่าวเตือนว่า ตลาดหุ้นสหรัฐอาจปรับฐานอย่างรุนแรงในไม่ช้านี้ เนื่องจากการเริ่มพุ่งขึ้นของอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ และการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (FED) อาจเริ่มชะลอการใช้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ QE แล้ว
มุมมองที่แอดอยากแชร์คือ
1. การที่ตลาดหุ้นสหรัฐเพิ่งพุ่งขึ้นแตะระดับ All Time High ไปเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ทั้งดัชนี Dow Jones, S&P 500 และ Nasdaq และเป็นเทรนด์ขึ้นที่สม่ำเสมอนับตั้งแต่เกิดไวรัสโควิดระบาด (ขึ้นมารวมกว่า 70% - 80% แล้วตั้งแต่เกิดไวรัสโควิดระบาด) อาจทำให้นักลงทุนคุ้นชินกับตลาดขาขึ้นและไม่ระวังตัว
2. ทุกคนต้องเข้าใจว่าเรากำลังอยู่ในเหตุการณ์ที่ตลาดไม่เคยพบเจอมาก่อนเพราะฉะนั้นคงไม่มีตำราให้เราเปิดอ่านว่าจะเกิดอะไรขึ้นได้
3. เรากำลังอยู่ในภาวะที่ FED และธนาคารกลางทั่วโลกมีความจำเป็นที่ต้องอัดฉีดสภาพคล่องเข้ามาเยอะมากเพื่อพยุงเศรษฐกิจไว้ ในขณะที่ดอกเบี้ยที่ลดลงต่ำติดดินก็ยิ่งดึงให้เงินไหลเข้าตลาดหุ้น เพราะไม่รู้ว่าจะเอาเงินไปฝากที่ไหนหรือซื้อสินทรัพย์อะไรที่ให้ผลตอบแทนได้ดีกว่า
4. ประกอบกับการที่ตลาดหุ้นกำลังขึ้นไปเรื่อยๆนั้นกลับไม่ได้ทำให้นักลงทุนกลัวเลย แต่ยิ่งทำให้คนยิ่งวิ่งเข้ามาในตลาดมากขึ้นเมื่อเห็นว่าสามารถทำผลตอบแทนได้เร็วขึ้นกว่าการฝากเงิน
5. การที่มีเงินไหลเข้ามามากขึ้นขนาดนี้ทำให้น่ากลัวมากเมื่อเงินต้องไหลออก เพราะวันหนึ่งงานเลี้ยงก็ต้องมีวันเลิกรา แต่จะเป็นเมื่อไหร่นั้นไม่มีใครรู้ เพราะถึงแม้ทาง FED จะยังยืนยันที่จะคงอัตราดอกเบี้ยต่ำไปจนถึงปี 2024 แต่ทุกคนก็รู้อยู่แก่ใจและพร้อมที่จะออกจากประตูงานเลี้ยงนี้ก่อนถึงวันนั้น
ผมอยากจะใช้ทฤษฎีซินเดอเรลล่า อธิบายถึงสภาพตลาดตอนนี้
1. พวกเราทุกคนในตลาดตอนนี้เปรียบเสมือนได้เป็นซินเดอเรลล่าที่มีนางฟ้ามาเสกเวทมนตร์ เปลี่ยนฟักทองให้เป็นรถม้า เปลี่ยนหนูให้เป็นคนรถ เปลี่ยนชุดเก่าๆให้เป็นชุดราตรีและรองเท้าแก้ว
2. และนางฟ้าของนักลงทุนทุกคนก็คือ FED นั้นเอง ที่เสกสภาพคล่อง QE ออกมาดันตลาดแบบไม่อั้น ทำให้ตลาดเป็นขาขึ้นตลอดขัดกับสภาพเศรษฐกิจที่แท้จริงที่เป็นอยู่
3. แต่สิ่งที่แตกต่างกันคือ นางฟ้าได้บอกกำหนดเวลาให้กับซินเดอเรลล่าอย่างชัดเจนแล้วว่า เมื่อพ้นเที่ยงคืนเวทมนตร์ทุกอย่างกำลังจะหายไป ทำให้ซินเดอเรลล่านั้นคอยจ้องดูนาฬิกาตลอดเวลาได้
4. แต่ในทางกลับกัน FED ไม่ได้ให้เวลาเราอย่างชัดเจน หรือก็สามารถเปลี่ยนใจและเปลี่ยนแผนการอัดฉีดได้ตลอดทุกเมื่อ ทำให้เหล่านักลงทุนจะมาแค่คอยดูนาฬิกาเตือนอย่างเดียวไม่ได้
5. ทำให้สัญญาณที่ชัดที่สุดที่นักลงทุนควรจับตามองคือ เพื่อนๆรอบข้างในห้องงานเลี้ยงนั้นเอง
6. ถึงแม้งานเลี้ยงหรือเวทมนตร์ในครั้งนี้จะยังเหลือเวลาอีกมาก แต่ถ้าเมื่อไหร่เพื่อนรอบข้างเริ่มเดินออกจากห้องงานเลี้ยง เราก็ควรสังเกตุไว้ให้ดี ไม่ใช่มัวแต่หลงระเริงกับสีสันของงานอยู่ คอยดูว่าเงินกำลังไหลกลับเข้าไปในตลาดไหนต่อไปบ้าง
7. มิเช่นนั้นแล้วคุณอาจจะต้องรุมแย่งกันออกจากประตูเมื่อกับคนอีกหลายร้อยพันคนที่ไม่รู้ตัวว่างานเลี้ยงได้จบลงไปก่อนหน้านี้แล้ว ! (นึกภาพตอนติดอยู่บนรถหลังออกจากคอนเสิร์ตดังๆ)