เศรษฐกิจอังกฤษเผชิญแรงกดดัน ท่ามกลางเงินเฟ้อและความไม่แน่นอนของตลาดแรงงาน

ท่ามกลางความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่ปรับตัวดีขึ้น ยอดค้าปลีกของอังกฤษยังคงเติบโตช้าลงในเดือนกุมภาพันธ์ ต้นทุนการจ้างงานที่สูงขึ้นและภาระภาษีใหม่ทำให้ภาคธุรกิจพิจารณาขึ้นราคาและลดการจ้างงาน การสำรวจระบุว่าภาคธุรกิจต่างขึ้นราคาเพราะต้นทุนแรงงาน ขณะที่อัตราการปลดพนักงานในภาคบริการเร่งตัวขึ้น ท่ามกลางความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ ธนาคารกลางอังกฤษกำลังพิจารณานโยบายลดอัตราดอกเบี้ยท่ามกลางความผันผวนทางการเงินทั่วโลก 

ด้านเงินเฟ้อด้านสินค้าอุปโภคบริโภคยังทรงตัว แต่ภาษีและค่าจ้างที่สูงขึ้นอาจผลักดันให้ราคาสินค้าสูงขึ้น โดยอัตราเงินเฟ้อคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 3.7% ในช่วงปลายปีนี้ ซึ่งอาจส่งผลต่อการใช้จ่ายของครัวเรือน ขณะที่ตลาดแรงงานของอังกฤษเริ่มส่งสัญญาณชะลอตัวในเดือนกุมภาพันธ์ โดยจำนวนตำแหน่งงานประจำลดลงอย่างต่อเนื่อง ธนาคารกลางอังกฤษคาดว่าการเติบโตของค่าจ้างภาคเอกชนจะชะลอลงจากกว่า 6% ในปี 2024 เหลือประมาณ 3.75% ภายในปลายปี 2025 

ทั้งนี้ เศรษฐกิจโดยรวมยังมีสัญญาณหลากหลาย โดยภาคบริการของสหราชอาณาจักรรายงานการเติบโตปานกลาง แต่การจ้างงานในอุตสาหกรรมลดลงเร็วที่สุดนับตั้งแต่ปี 2020 ภาคก่อสร้างเผชิญภาวะถดถอยอย่างรุนแรง โดยเฉพาะการก่อสร้างที่อยู่อาศัย ซึ่งลดลงเร็วที่สุดครั้งหนึ่งนับตั้งแต่ปี 2009 โดยต้นทุนการกู้ยืมที่สูงและอุปสงค์ที่อ่อนแอทำให้เกิดการปลดพนักงานและลดการลงทุน 

ด้านตลาดที่อยู่อาศัยเผชิญแรงกดดันในเดือนกุมภาพันธ์ โดยราคาบ้านลดลงเล็กน้อยหลังจากความต้องการอ่อนตัวลงจากการเร่งซื้อก่อนสิ้นสุดมาตรการจูงใจด้านภาษี ขณะที่การปล่อยสินเชื่อที่อยู่อาศัยในเดือนมกราคมแตะระดับสูงสุดตั้งแต่ปี 2022 แต่การอนุมัติเงินกู้ใหม่ลดลง ซึ่งนักวิเคราะห์คาดว่าการปล่อยสินเชื่อจะชะลอตัวต่อเนื่องหลังสิ้นสุดมาตรการทางภาษี 

ขณะเดียวกัน ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ปรับตัวขึ้นในวันจันทร์หลังจากแตะระดับต่ำสุดในรอบสี่เดือน ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับนโยบายการค้าของทรัมป์ที่ยังคงอยู่ โดยความไม่แน่นอนเพิ่มขึ้นหลังจากที่มีการประกาศมาตรการภาษีใหม่ต่อเม็กซิโก แคนาดา และจีน ทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย ขณะที่นักลงทุนจับตาข้อมูลเงินเฟ้อที่กำลังจะมาถึงเพื่อจับสัญญาณจากธนาคารกลางสหรัฐฯ นักวิเคราะห์คาดว่าอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานจะทรงตัว ซึ่งสอดคล้องกับมุมมองของประธาน Fed เจอโรม พาวเวลล์ ว่ายังไม่มีความจำเป็นเร่งด่วนในการลดอัตราดอกเบี้ย อย่างไรก็ตาม ตลาดฟิวเจอร์สมองว่า Fed อาจเริ่มลดดอกเบี้ยในเดือนมิถุนายนหากความเสี่ยงทางเศรษฐกิจยังคงอยู่ 

ด้านโกลด์แมน แซคส์ ปรับลดคาดการณ์ GDP ของสหรัฐฯ เป็น 1.7% พร้อมปรับเพิ่มแนวโน้มเงินเฟ้อ สร้างภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออกให้กับ Fed ว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยเพื่อควบคุมเงินเฟ้อหรือปรับลดเพื่อสนับสนุนการจ้างงาน ในขณะที่ตลาดคาดการณ์ว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ย นักเศรษฐศาสตร์บางส่วนเชื่อว่า Fed จะดำเนินการอย่างระมัดระวังเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อสูงเกินไป 

ด้วยเหตุนี้ หากความเชื่อมั่นในความเสี่ยงแย่ลงเนื่องจากความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก ค่าเงินดอลลาร์อาจแข็งค่าขึ้น กดดัน GBP/USD ให้ปรับตัวลงสู่ระดับ 1.2750 ในระยะสั้น ในทางกลับกัน หากอัตราเงินเฟ้อของสหราชอาณาจักรสูงเกินคาด และธนาคารกลางอังกฤษยังคงมีท่าทีเข้มงวด GBP/USD อาจทะลุระดับ 1.2950 และมุ่งหน้าสู่ 1.3000 ได้ อย่างไรก็ตาม แนวโน้มขาขึ้นในระยะยาวอาจถูกจำกัดจากข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอของสหราชอาณาจักร

ข้อมูลประกอบการวิเคราะห์ทางเทคนิค (30Min) CFD GBP/USD

แนวต้านสำคัญ : 1.2893, 1.2894, 1.2897

แนวรับสำคัญ : 1.2887, 1.2886, 1.2883           

30Min Outlook  

ที่มา: TradingView                                                

Buy/Long 1 หากมีการแตะแนวรับที่ช่วงราคา 1.2883 - 1.2887 แต่ไม่สามารถเบรกแนวรับที่ 1.2887 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.2893 และ SL ที่ประมาณ 1.2881 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Buy/Long 2 หากสามารถเบรกแนวต้านที่ช่วงราคา 1.2893 - 1.2897 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.2902 และ SL ที่ประมาณ 1.2895 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้                 

Sell/Short 1 หากมีการแตะแนวต้านที่ช่วงราคา 1.2893 - 1.2897 แต่ไม่สามารถเบรกแนวต้าน 1.2893 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.2886 และ SL ที่ประมาณ 1.2899 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Sell/Short 2 หากสามารถเบรกแนวรับที่ช่วงราคา 1.2883 - 1.2887 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.2875 และ SL ที่ประมาณ 1.2885 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Pivot Points Mar 11, 2025 09:58AM GMT+7