บทวิเคราะห์ EUR/USD วันที่ 17 มีนาคม 2568

Create at 2 weeks ago (Mar 17, 2025 09:50)

ยูโรแข็งค่าหลังเยอรมนีประกาศแผนการคลัง 500 พันล้านยูโร ขณะดอลลาร์ร่วงต่ำสุดรอบ 5 เดือน

เงินยูโรแข็งค่าขึ้นในวันศุกร์หลังจากข้อตกลงทางการคลังของเยอรมนี ซึ่งมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มการใช้จ่ายด้านกลาโหมและกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจ ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากนายฟรีดริช แมร์ทซ์ ว่าที่นายกรัฐมนตรี และพรรคกรีนส์ โดยรวมถึงกองทุนโครงสร้างพื้นฐานมูลค่า 500,000 ล้านยูโร (544,000 ล้านดอลลาร์) และการปฏิรูปกฎการกู้ยืม ส่งผลให้เงินยูโรแข็งค่าขึ้น 0.27% แตะที่ 1.0876 ดอลลาร์ โดยนักวิเคราะห์จากโนมูระและมอร์แกน สแตนลีย์คาดการณ์ว่าเงินยูโรจะมีแนวโน้มแข็งค่าต่อไปหากมาตรการทางการคลังคืบหน้า

มุมมองของตลาดต่อเงินยูโรปรับตัวเป็นบวกอย่างมาก โดย BofA Securities รายงานว่ามีการถือครองสถานะซื้อเงินยูโรในระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ขณะที่ความคาดหวังต่ออัตราดอกเบี้ยสูงสุดของธนาคารกลางยุโรป (ECB) ปรับตัวเพิ่มขึ้น โดยมีฉันทามติว่ายังคงต้องรักษาอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 2% หรือสูงกว่า นายโรเบิร์ต โฮลซ์มันน์ ผู้กำหนดนโยบายของ ECB สนับสนุนให้ชะลอการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนเมษายน เนื่องจากความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายภาครัฐที่เพิ่มขึ้น ขณะที่การผลิตภาคอุตสาหกรรมของยูโรโซนขยายตัว 0.8% ในเดือนมกราคม โดยมีเยอรมนีเป็นแรงขับเคลื่อนหลัก แต่ภาวะอุปสงค์ที่อ่อนแอและการแข่งขันจากจีนยังคงเป็นปัจจัยท้าทาย

ในทางตรงกันข้าม ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนค่าลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 5 เดือน ท่ามกลางความไม่แน่นอนของนโยบายการค้าและข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอ โดยความเป็นไปได้ที่รัฐบาลสหรัฐฯ จะสามารถหลีกเลี่ยงภาวะชัตดาวน์ได้ส่งผลช่วยให้เงินดอลลาร์มีเสถียรภาพในระยะสั้น อย่างไรก็ตาม โกลด์แมน แซคส์ระบุว่าความเชื่อมั่นของตลาดกำลังเปลี่ยนไปสนับสนุนแนวทางทางการคลังของเยอรมนีมากกว่าความโดดเด่นทางเศรษฐกิจของสหรัฐฯ

ทั้งนี้ ความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และยุโรปทวีความรุนแรงขึ้น โดยประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ขู่เรียกเก็บภาษี 200% สำหรับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จากยุโรป ขณะที่นางคริสติน ลาการ์ด ประธานคณะกรรมาธิการยุโรปเตือนถึงผลกระทบทางเศรษฐกิจ แต่ระบุว่าความขัดแย้งทางการค้าอาจเป็นแรงผลักดันให้ยุโรปรวมตัวกันมากขึ้น

ด้านอัตราเงินเฟ้อของเยอรมนีลดลงเหลือ 2.6% ในเดือนกุมภาพันธ์ ส่งผลให้การคาดการณ์ตัวเลขเงินเฟ้อของยูโรโซนถูกปรับลดลง สถาบันเศรษฐศาสตร์ DIW ของเยอรมนีคาดว่ากองทุนโครงสร้างพื้นฐานมูลค่า 500,000 ล้านยูโร อาจช่วยเพิ่มจีดีพีมากกว่าสองเปอร์เซ็นต์ในช่วงสิบปีข้างหน้า อย่างไรก็ตาม ความไม่แน่นอนทางการเมืองและความตึงเครียดทางการค้าทั่วโลกทำให้การคาดการณ์เศรษฐกิจถูกปรับลดลง โดยเศรษฐกิจเยอรมนีคาดว่าจะซบเซาในปี 2024 และเติบโตเพียง 1.1% ในปี 2025 หากรวมผลของการกระตุ้นเศรษฐกิจ การเติบโตอาจแตะ 2.1% ภายในปี 2026

แม้ภาคอุตสาหกรรมของเยอรมนีจะเริ่มฟื้นตัว แต่ความกังวลทางเศรษฐกิจยังคงมีอยู่ โดยยอดส่งออกลดลง 2.5% ในเดือนมกราคม ขณะที่การบริโภคภาคเอกชนยังคงซบเซา ท่ามกลางอัตราค่าจ้างที่แท้จริงที่ปรับตัวสูงขึ้น เยอรมนียังคงเป็นประเทศเดียวในกลุ่ม G7 ที่ประสบภาวะเศรษฐกิจหดตัวสองปีติดต่อกัน ทำให้เกิดการถกเถียงเกี่ยวกับการปรับปรุงกฎการกู้ยืมเพื่อเพิ่มการลงทุนภาครัฐ โดยข้อเสนอทางการคลังใหม่มุ่งเน้นการปฏิรูปกฎหนี้ การเพิ่มงบประมาณกลาโหม และการจัดสรรงบประมาณ 500,000 ล้านยูโรเพื่อพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน โดยมีข้อเสนอให้แก้ไขข้อจำกัดหนี้ตามรัฐธรรมนูญเพื่อยกเว้นค่าใช้จ่ายด้านกลาโหมที่เกิน 1% ของจีดีพี ซึ่งจะช่วยปลดล็อกงบประมาณประมาณ 400,000 ล้านยูโรในช่วงสิบปีข้างหน้า โดยแม้มาตรการเหล่านี้อาจช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ยังมีความกังวลเกี่ยวกับความยั่งยืนทางการคลัง

อย่างไรก็ดี เยอรมนีกำลังอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อทางเศรษฐกิจ นักเศรษฐศาสตร์เตือนว่าหากไม่มีการปฏิรูปเชิงโครงสร้าง เยอรมนีอาจเผชิญภาวะชะงักงันและความสามารถในการแข่งขันลดลงไปจนถึงปี 2030 ดอยช์แบงก์เน้นว่าช่วงวาระกฎหมายถัดไปอาจเป็นโอกาสสุดท้ายของเยอรมนีในการรักษาความมั่นคงทางเศรษฐกิจระยะยาว ขณะที่แคปิตอล อีโคโนมิกส์มองว่าการปฏิรูปที่เสนอนี้เป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งประวัติศาสตร์ แม้ว่าผลกระทบที่แท้จริงยังไม่แน่ชัด

ด้านเงินดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนค่ากว่า 4% ในปีนี้ หลังจากแตะระดับสูงสุดในรอบหกเดือนเมื่อเดือนมกราคม ท่ามกลางความไม่แน่นอนของนโยบายการค้าและความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย โดยความกังวลเกี่ยวกับภาวะชัตดาวน์ของรัฐบาลได้เพิ่มความผันผวนให้ตลาด

ทั้งนี้ ข้อมูลเศรษฐกิจสหรัฐฯ สะท้อนถึงความไม่แน่นอนในตลาด โดยดัชนีราคาผู้ผลิตปรับตัวขึ้นช้ากว่าที่คาดในเดือนกุมภาพันธ์ และตัวเลขรายเดือนทรงตัว ซึ่งอาจมีผลต่อมุมมองของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) เกี่ยวกับเงินเฟ้อ ขณะเดียวกัน ความเชื่อมั่นผู้บริโภคดิ่งลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบสองปีครึ่งในเดือนมีนาคม จากความกังวลเกี่ยวกับภาษีของทรัมป์และความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ

สำหรับแนวโน้มในอนาคต Wells Fargo คาดว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะชะลอตัวในช่วงครึ่งหลังของปี 2025 เนื่องจากความไม่แน่นอนด้านนโยบายการค้าและการลดจำนวนแรงงานของรัฐบาลกลาง แม้เศรษฐกิจยังแข็งแกร่งพอที่จะหลีกเลี่ยงภาวะถดถอย แต่ความเสี่ยงด้านลบยังคงมีอยู่

ในด้านคู่สกุลเงิน Morgan Stanley มองว่าเงินยูโรมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้น โดยอัตราแลกเปลี่ยน EUR/USD อาจแตะ 1.12 ดอลลาร์ หากมีนโยบายการคลังของเยอรมนีความชัดเจน อย่างไรก็ตาม การแข็งค่าต่อไปของเงินยูโรจะขึ้นอยู่กับความแตกต่างที่ชัดเจนระหว่างนโยบายของสหรัฐฯ และยุโรป แม้ว่าความเชื่อมั่นของตลาดจะเอียงไปทางเงินยูโร แต่นักวิเคราะห์เตือนว่ามุมมองเชิงบวกที่มากเกินไปอาจไม่สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจโดยรวม

ข้อมูลประกอบการวิเคราะห์ทางเทคนิค (1H) CFD EUR/USD

แนวต้านสำคัญ : 1.0888, 1.0892, 1.0898

แนวรับสำคัญ : 1.0876, 1.0872, 1.0866       

1H Outlook        

วิเคราะห์ EUR/USD ที่มา: TradingView                                                               

Buy/Long 1 หากมีการแตะแนวรับที่ช่วงราคา 1.0864 - 1.0876 แต่ไม่สามารถทะลุแนวรับที่ 1.0876 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.0890 และ SL ที่ประมาณ 1.0858 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Buy/Long 2 หากสามารถทะลุแนวต้านที่ช่วงราคา 1.0888 - 1.0900 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.0910 และ SL ที่ประมาณ 1.0870 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้                 

Sell/Short 1 หากมีการแตะแนวต้านที่ช่วงราคา 1.0888 - 1.0900 แต่ไม่สามารถทะลุแนวต้านที่ 1.0888 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.0874 และ SL ที่ประมาณ 1.0906 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Sell/Short 2 หากสามารถทะลุแนวรับที่ช่วงราคา 1.0864 - 1.0876 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.0855 และ SL ที่ประมาณ 1.0894 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Pivot Points Mar 17, 2025 09:35AM GMT+7

Name
S3
S2
S1
Pivot Points
R1
R2
R3
Classic 1.0858 1.0866 1.0874 1.0882 1.089 1.0898 1.0906
Fibonacci 1.0866 1.0872 1.0876 1.0882 1.0888 1.0892 1.0898
Camarilla 1.0879 1.088 1.0882 1.0882 1.0884 1.0886 1.0887
Woodie's 1.0858 1.0866 1.0874 1.0882 1.089 1.0898 1.0906
DeMark's - - 1.0879 1.0884 1.0895 - -

ที่มา: Investing 1Investing 2

______________________________
อัพเกรดความรู้เพิ่มเติม: คลิกที่นี่
รู้เท่าทันสถานการณ์โลกและบทวิเคราะห์เทคนิคขั้นสูง: คลิกที่นี่
Tags:

TECHNICAL ANALYSIS

ARTICLES