ฟิวเจอร์สหุ้นสหรัฐฯ ผันผวน ท่ามกลางความไม่แน่นอนของเฟด
ฟิวเจอร์สหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวลดลงในวันจันทร์ ท่ามกลางความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอยและการจับตาดูข้อมูลยอดค้าปลีก ซึ่งเป็นตัวชี้วัดสำคัญของความแข็งแกร่งของผู้บริโภค แม้ว่าตลาดจะฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งในวันศุกร์ โดยดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์พุ่งขึ้น 1.65% ขณะที่ S&P 500 และ Nasdaq ปรับตัวขึ้น 2.13% และ 2.61% ตามลำดับ แต่ทั้งสามดัชนียังคงปิดลบรายสัปดาห์ โดยดาวโจนส์เผชิญสัปดาห์ที่แย่ที่สุดนับตั้งแต่มีนาคม 2023 ด้วยการร่วงลง 3.1% ท่ามกลางการฟื้นตัวของตลาดที่ได้รับแรงหนุนจากแรงซื้อหุ้นเทคโนโลยีขนาดใหญ่ เช่น Nvidia, Tesla, Meta, Amazon และ Apple เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าลดลงชั่วคราว อย่างไรก็ตาม ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) และแนวโน้มเศรษฐกิจยังคงเป็นปัจจัยกดดัน โดยแบบจำลอง GDPNow ของธนาคารกลางแอตแลนตาคาดการณ์ว่าผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ในไตรมาสแรกจะหดตัว 2.4%
ทั้งนี้ ดัชนีดาวโจนส์ยังคงอยู่ห่างจากเขตปรับฐาน (correction) ประมาณ 3% ในขณะที่ Nasdaq ได้เข้าสู่ภาวะปรับฐานแล้ว สะท้อนให้เห็นถึงความเปราะบางของตลาดโดยรวม โดยการปรับฐานของตลาดหุ้น ได้ฉุด S&P 500 ลง 10.1% ตั้งแต่วันที่ 19 กุมภาพันธ์ แม้ว่านักลงทุนบางส่วนจะมองเห็นโอกาสเข้าซื้อ แต่นักวิเคราะห์ยังคงไม่มั่นใจว่าการปรับฐานสิ้นสุดลงแล้ว โดยชี้ให้เห็นว่าในอดีต ความเชื่อมั่นเชิงลบอย่างรุนแรงมักกระตุ้นให้ Fed ออกมาตรการผ่อนคลาย อย่างไรก็ตาม Fed คาดว่าจะไม่เข้าแทรกแซง โดยประธานเจอโรม พาวเวลล์ คาดว่าจะย้ำจุดยืนที่ระมัดระวังในการประชุม FOMC วันพุธนี้ ขณะเดียวกัน การขู่ขึ้นภาษีของทรัมป์ โดยเฉพาะหลังวันที่ 2 เมษายน อาจทำให้ความไม่แน่นอนยืดเยื้อและเพิ่มความผันผวนของตลาด
ด้านการปรับฐานของตลาดเกิดจากการลดลงของมูลค่าหุ้น โดยเฉพาะหุ้นกลุ่ม Magnificent-7 เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับภาษีและการชะลอตัวของเศรษฐกิจ แม้ว่ากำไรต่อหุ้นล่วงหน้าของ S&P 500 จะอยู่ในระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ แต่มีความเป็นไปได้ที่นักวิเคราะห์อาจประเมินความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้นต่ำเกินไป โดยตามสถิติในอดีต S&P 500 มักจะถึงจุดต่ำสุดเมื่อดัชนีลดลงมากกว่า 20% จากค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่ 200 วัน แต่ในปัจจุบันดัชนีลดลงเพียง 1.8% ซึ่งอาจบ่งชี้ถึงความเสี่ยงต่อการปรับตัวลงเพิ่มเติม ท่ามกลางตลาดต่างประเทศที่มีผลการดำเนินงานที่ดีกว่าสหรัฐฯ ซึ่งยิ่งตอกย้ำความกังวลว่าภาษีของทรัมป์อาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจภายในประเทศมากกว่าที่คาดการณ์ไว้
อย่างไรก็ดี นักกลยุทธ์ของ Morgan Stanley คาดว่า S&P 500 อาจมีโอกาสฟื้นตัว โดยดัชนีได้ทดสอบระดับล่างสุดของกรอบการซื้อขายที่คาดการณ์ในครึ่งปีแรกที่ 5500–6100 หลังจากเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา ดัชนีลดลงสู่ระดับแนวรับสำคัญที่ 5500 ท่ามกลางแรงกดดันจากการปรับลดคาดการณ์ผลประกอบการ ปัญหาการคลัง และความกังวลเกี่ยวกับภาษี อย่างไรก็ตาม ตัวชี้วัดทางเทคนิค เช่น Relative Strength Index บ่งชี้ว่าตลาดอยู่ในภาวะขายมากเกินไป (oversold) ซึ่งไม่เคยเห็นมาตั้งแต่ปี 2022 นอกจากนี้ ค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลงและปัจจัยตามฤดูกาลอาจช่วยสนับสนุนการปรับประมาณการกำไร โดยแม้ว่าตลาดอาจมีโอกาสฟื้นตัวในระยะสั้น แต่ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับนโยบายและข้อมูลเศรษฐกิจยังคงเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญ
ดัชนีดาวโจนส์ เช่นเดียวกับดัชนีหลักอื่นๆ ได้รับผลกระทบจากความกังวลทางเศรษฐกิจที่ต่อเนื่อง แต่ยังคงเป็นจุดสนใจหลักเนื่องจากความอ่อนไหวต่อการเปลี่ยนแปลงนโยบายและความตึงเครียดทางการค้า นักลงทุนกำลังจับตาดูผลประกอบการของบริษัทใหญ่ เช่น Micron, Nike และ Accenture ที่จะรายงานในสัปดาห์นี้ โดยเฉพาะแนวโน้มกำไรของ Micron ในธุรกิจชิปหน่วยความจำที่ขับเคลื่อน AI ซึ่งอาจให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับแนวโน้มของภาคเทคโนโลยี
นอกจากนี้ แม้ว่าธนาคารกลางคาดว่าจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้เท่าเดิม แต่นักลงทุนกำลังจับตาสัญญาณการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในอนาคตอย่างใกล้ชิด ขณะที่คำเตือนของรัฐมนตรีคลัง สก็อตต์ เบสเซนท์ ถึงความเสี่ยงต่อภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่ยังคงมีอยู่ ได้เพิ่มความระมัดระวังให้กับตลาด ท่ามกลางความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ที่ยังคงเป็นปัจจัยสำคัญ โดยการเจรจาระหว่างทรัมป์และประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิมีร์ ปูติน เกี่ยวกับความขัดแย้งในยูเครนอาจเพิ่มความไม่แน่นอน ขณะที่ความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และสหภาพยุโรปกำลังทวีความรุนแรง โดยภาษีเหล็กและอลูมิเนียมของทรัมป์ได้กระตุ้นให้ยุโรปตอบโต้
ด้วยเหตุนี้จึงส่งผลให้ปัจจุบัน US30 กำลังอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่สำคัญ ท่ามกลางภาวะตลาดที่เปราะบาง โดยหากดัชนีหลุดระดับ 40,800 มีแนวโน้มที่จะปรับตัวลงต่อไปที่ 40,000 อย่างไรก็ตาม หากความเชื่อมั่นในตลาดปรับตัวดีขึ้น อาจเกิดการฟื้นตัวระยะสั้นไปสู่ระดับ 42,000 ได้
ข้อมูลประกอบการวิเคราะห์ทางเทคนิค (30Min) CFD US30 DJIA
แนวต้านสำคัญ : 41780.8, 41786.0, 41794.4
แนวรับสำคัญ : 41764.0, 41758.8, 41750.4
30Min Outlook
ที่มา: TradingView
Buy/Long 1 หากมีการแตะแนวรับที่ช่วงราคา 41744.0 - 41764.0 แต่ไม่สามารถเบรกแนวรับที่ 41764.0 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 41786.1 และ SL ที่ประมาณ 41734.0 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Buy/Long 2 หากสามารถเบรกแนวต้านที่ช่วงราคา 41780.8 - 41800.8 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 41808.0 และ SL ที่ประมาณ 41754.0 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Sell/Short 1 หากมีการแตะแนวต้านที่ช่วงราคา 41780.8 - 41800.8 แต่ไม่สามารถเบรกแนวต้านที่ 41780.8 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 41764 .0 และ SL ที่ประมาณ 41810.8 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Sell/Short 2 หากสามารถเบรกแนวรับที่ช่วงราคา 41744.0 - 41764.0 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 41730.0 และ SL ที่ประมาณ 41790.0 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Pivot Points Mar 18, 2025 10:01AM GMT+7
Name
|
S3
|
S2
|
S1
|
Pivot Points
|
R1
|
R2
|
R3
|
---|---|---|---|---|---|---|---|
Classic | 41742.1 | 41750.4 | 41764.1 | 41772.4 | 41786.1 | 41794.4 | 41808.1 |
Fibonacci | 41750.4 | 41758.8 | 41764 | 41772.4 | 41780.8 | 41786 | 41794.4 |
Camarilla | 41771.6 | 41773.7 | 41775.7 | 41772.4 | 41779.7 | 41781.7 | 41783.7 |
Woodie's | 41744.7 | 41751.7 | 41766.7 | 41773.7 | 41788.7 | 41795.7 | 41810.7 |
DeMark's | - | - | 41768.2 | 41774.4 | 41790.2 | - | - |
ที่มา: Investing 1, Investing 2
อัพเกรดความรู้เพิ่มเติม: คลิ