เศรษฐกิจของญี่ปุ่นมีแนวโน้มชะลอตัวลง

ค่าเงินเยนก่อนค่าโรงเล็กน้อย เนื่องจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจของญี่ปุ่นที่ชะลอตัว ในขณะที่ธนาคารกลางญี่ปุ่นมีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยต่อไป โดยกิจกรรมภาคเอกชนหดตัวเป็นครั้งแรกในรอบ 5 เดือน อย่างไรก็ตาม มีการคาดการณ์ว่าธนาคารกลางจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ ท่ามกลางแรงกดดันด้านเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ค่าเงินเยนยังได้รับแรงกดดันจากเส้นตายที่ประธานาธิบดีทรัมป์ จะเรียกเก็บภาษีศุลกากรในวันที่ 2 เมษายน และได้ส่งผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนโดยตรง

ดุลการค้าของญี่ปุ่น เพิ่มขึ้นเป็น 58 พันล้านเยนในเดือนกุมภาพันธ์ หลังจากขาดดุล 41 พันล้านเยนในเดือนเดียวกันของปีก่อนหน้า โดยการเพิ่มขึ้นดังกล่าวได้รับแรงหนุนจากการส่งออกที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ในขณะที่การนำเข้าลดลงเล็กน้อยที่ 0.7% เมื่อเทียบกับปีก่อน โดนแรงกดดันส่วนใหญ่ยังคงเกิดจากการนำเข้าเชื้อเพลิงแร่ที่หดตัวกว่า 11.1% ได้แก่ปิโตรเลียมและ LNG ที่ลดลงอย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ การนำเข้าแร่โลหะที่ใช้ในการผลิตลดลง ในทางกลับกัน การซื้ออุปกรณ์ไฟฟ้าเพิ่มขึ้น 6.5% โดยได้รับแรงหนุนจากเซมิคอนดักเตอร์ ในขณะที่การนำเข้าเครื่องจักรเพิ่มขึ้น 21.5% โดยสหรัฐอเมริกายังคงเป็นประเทศที่มีมูลค่าการนำเข้ามากที่สุด

ด้านการส่งออกของญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น 11.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน คิดเป็นมูลค่ากว่า 91 ล้านล้านเยน แต่การส่งออกดังกล่าวยังคงต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ที่ 12.1% โดยการส่งออกส่วนใหญ่ยังคงเป็นสินค้าประเภทยานยนต์และรถยนต์ที่เพิ่มขึ้นกว่า 12.2% นอกจากนี้ ยอดขายอุปกรณ์อื่นๆเพิ่มขึ้น 19.9% นอกจากนี้ การส่งออกเครื่องจักรขยายตัว 11.6% ได้แก่สินค้าประเภทเครื่องจักรผลิตไฟฟ้า ซึ่งขับเคลื่อนโดยเซมิคอนดักเตอร์ โดยการส่งออกไปยังไต้หวันเพิ่มขึ้นกว่า 36.5% ในขณะที่การส่งออกไปยังจีนเพิ่มขึ้น 14.1%

ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BoJ) คงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ 0.5% ในการประชุมเดือนมีนาคมซึ่งสอดคล้องกับการคาดการณ์ของตลาดหลังจากที่ธนาคารกลางปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งที่ 3 ในเดือนมกราคม โดยคณะกรรมการมีท่าทีที่ระมัดระวังและจับตามองผลกระทบของความเสี่ยงทางเศรษฐกิจระดับโลกที่อาจเพิ่มขึ้นการฟื้นตัวของญี่ปุ่น โดยธนาคารกลางญี่ปุ่นชี้ให้เห็นถึงความไม่แน่นอนเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจในประเทศท่ามกลางภาษีศุลกากรที่เพิ่มสูงขึ้นของสหรัฐ โดยเศรษฐกิจญี่ปุ่น สามารถฟื้นตัวได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น เนื่องจากแรงกดดันด้านต้นทุน อย่างไรก็ตามการปรับขึ้นค่าจ้างยังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากบริษัทต่างๆสามารถสร้างกำไรได้มากขึ้นจากค่าเงินเยนที่อ่อนค่าลง ทางธนาคารกลางได้คาดการณ์ว่าตามเงินเฟ้อจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในปี 2025

PMI ภาคการผลิตของญี่ปุ่นลดลงเหลือ 48.3 ในเดือนมีนาคม ต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ที่ 49.2 ถือเป็นการหดตัวเดือนที่ 9 ติดต่อกันและเป็นการหดตัวรุนแรงที่สุดในรอบปี โดยบริษัทต่างๆลดกำลังการผลิตให้สอดคล้องกับคำสั่งซื้อใหม่ที่ลดลงอย่างรวดเร็ว แม้ว่ายอดขายในต่างประเทศจะเติบโตขึ้นเล็กน้อยหลังจากที่หดตัวเรือนก่อนหน้าก็ตาม โดยการลดกำลังการผลิตนี้ยังส่งผลให้บริษัทต่างๆลดการซื้อลงอย่างมากและยังคงลดสินค้าคงคลังต่อไป ด้านการจ้างงานเพราะว่าเพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 4 ติดต่อกัน ในขณะที่ต้นทุนยาผลิตยังคงเพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 7 แม้ว่าจะมีอัตราการเพิ่มขึ้นที่ชะลอลงบ้างแล้วก็ตาม

ด้าน PMI ภาคบริการลดลงเหลือ 49.5 ในเดือนมีนาคม จาก 53.7 ในเดือนกุมภาพันธ์ แสดงให้เห็นถึงการหดตัวครั้งแรกของกิจกรรมภาคบริการ และเป็นการลดลงมากที่สุดในรอบ 9 เดือน โดยคำสั่งซื้อใหม่และยอดขายในต่างประเทศลดลงเล็กน้อย ซึ่งสอดคล้องกับการจ้างงานที่ชะลอตัวลงเช่นเดียวกัน ทั้งนี้ แรงกดดันด้านต้นทุนกับเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว เนื่องจากต้นทุนปัจจัยการผลิตเพิ่มขึ้นสูงสุดในรอบ 25 เดือน ส่งผลให้ผู้ผลิตจำเป็นต้องส่งผ่านราคาบางส่วนไปยังราคาสินค้า