ยูโรอ่อนค่า ตลาดจับตาการค้าและนโยบายการคลัง
ค่าเงินยูโรอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับดอลลาร์ โดยอัตราแลกเปลี่ยน EUR/USD ปรับตัวลดลงสู่ระดับ 1.0786 ขณะที่แนวโน้มการฟื้นตัวสูญเสียแรงส่ง แม้ว่าดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค Ifo ของเยอรมนีจะปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อย แต่ยังต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ สืบเนื่องจากข้อมูลดัชนี PMI ที่อ่อนแอ ท่ามกลางความสนใจของตลาดที่หันไปที่การเจรจาสันติภาพระหว่างรัสเซียและยูเครน ซึ่งจะจัดขึ้นที่ซาอุดีอาระเบีย ทั้งนี้ ค่าเงินยูโรที่เคยร่วงลงอย่างหนักก่อนหน้านี้จากความกังวลทางเศรษฐกิจและนโยบายภาษีของสหรัฐฯ ภายใต้การบริหารของประธานาธิบดีทรัมป์ คาดว่าจะฟื้นตัวในช่วงปลายปี โดยนักวิเคราะห์จาก Macquarie คาดการณ์ว่าอัตราแลกเปลี่ยน EUR/USD จะเพิ่มขึ้นแตะระดับ 1.10 เมื่อกระแส "American exceptionalism" หรือคติข้อยกเว้นอเมริกันเริ่มเสื่อมถอย
ทั้งนี้ มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเชิงรุกของเยอรมนี รวมถึงแผนการใช้จ่ายมูลค่า 1 ล้านล้านยูโร ได้ช่วยหนุนความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจ โดยดัชนีคาดการณ์ภาวะธุรกิจของ Ifo ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 87.7 ในเดือนมีนาคม สะท้อนถึงความมั่นใจที่เพิ่มขึ้น ขณะที่กิจกรรมทางธุรกิจขยายตัวเร็วที่สุดในรอบ 10 เดือน ท่ามกลางดัชนี PMI ภาครวมของยูโรโซนปรับขึ้นแตะ 50.4 บ่งชี้ถึงการฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป แม้ว่าภาคบริการยังคงซบเซา อย่างไรก็ตาม ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคในยูโรโซนลดลงในเดือนมีนาคม และความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหภาพยุโรปกับสหรัฐฯ ทวีความรุนแรงขึ้น เนื่องจากเจ้าหน้าที่ยุโรปพยายามหลีกเลี่ยงมาตรการภาษีที่รุนแรงต่อสินค้าของสหภาพยุโรป ขณะที่การเจรจากับตัวแทนการค้าสหรัฐฯ ยังไม่ได้ข้อสรุป และแผนเก็บภาษีของทรัมป์ซึ่งมีกำหนดบังคับใช้ในวันที่ 2 เมษายน ยิ่งเพิ่มความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ
ด้านนโยบายการเงิน สมาชิกคณะกรรมการ ECB นาย Piero Cipollone ระบุว่า เงื่อนไขปัจจุบันเอื้อต่อการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติม เนื่องจากอัตราเงินเฟ้อชะลอตัว ตลาดคาดว่า ECB จะลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในเดือนมิถุนายน และอาจลดลงอีกครั้งภายในสิ้นปี อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ ECB ยังคงระมัดระวัง เนื่องจากยังมีความไม่แน่นอน เช่น ความขัดแย้งทางการค้าและการใช้จ่ายด้านกลาโหมที่เพิ่มขึ้น โดยการใช้จ่ายจำนวนมากของเยอรมนีในด้านกลาโหมและโครงสร้างพื้นฐานคาดว่าจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ก็เพิ่มความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อ ประธานธนาคารกลางเนเธอร์แลนด์ นาย Klaas Knot เตือนถึงแนวโน้มเงินเฟ้อที่ไม่สามารถคาดการณ์ได้ ท่ามกลางระดับหนี้ที่เพิ่มสูงขึ้น ด้านประธาน ECB คริสติน ลาการ์ด เตือนว่าสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และสหภาพยุโรปอาจฉุดการเติบโตของยูโรโซนลง 0.3–0.5 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่อัตราเงินเฟ้ออาจเพิ่มขึ้นชั่วคราว
อย่างไรก็ดี บรรยากาศทางธุรกิจของเยอรมนีปรับตัวดีขึ้นในเดือนมีนาคม ภาคธุรกิจมีความพึงพอใจมากขึ้นต่อสภาพเศรษฐกิจปัจจุบัน และมีมุมมองเชิงบวกต่ออนาคต โดยการคาดการณ์การส่งออกภาคอุตสาหกรรมที่ดีขึ้น เศรษฐกิจเยอรมนีซึ่งหดตัว 0.2% ในไตรมาสที่แล้ว คาดว่าจะขยายตัว 0.2% ในไตรมาสแรกของปีนี้ โดยได้แรงหนุนจากเสถียรภาพทางการเมืองที่ดีขึ้นและการลงทุนที่เพิ่มขึ้น การเปลี่ยนแปลงเชิงนโยบายการคลังยังคงเป็นปัจจัยสำคัญต่อแนวโน้มเชิงบวกนี้ เนื่องจากรัฐสภาเยอรมนีได้อนุมัติแพ็คเกจกระตุ้นเศรษฐกิจขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นการสิ้นสุดยุคของวินัยทางการคลังที่เข้มงวด นักวิเคราะห์จาก Deutsche Bank คาดว่า GDP จะเติบโต 1.5% ในปี 2026 และ 2% ในปี 2027 แม้ว่าความไม่แน่นอนในระยะสั้นยังคงอยู่ โดยเฉพาะจากนโยบายภาษีของสหรัฐฯ ขณะที่การขยายตัวทางการคลังอาจผลักดันให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลเยอรมนีอายุ 10 ปี เพิ่มขึ้นแตะ 4% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่วิกฤตการเงินปี 2008
ด้านกิจกรรมภาคเอกชนของเยอรมนีส่งสัญญาณการฟื้นตัวในเดือนมีนาคม โดยดัชนี PMI ภาครวมปรับขึ้นสู่ระดับสูงสุดในรอบ 10 เดือน ท่ามกลางการผลิตภาคอุตสาหกรรมที่ขยายตัวเป็นครั้งแรกในรอบเกือบสองปี แม้ว่าภาคบริการจะสูญเสียแรงส่ง ขณะเดียวกัน รายได้จากภาษีของรัฐบาลกลางเยอรมนีเพิ่มขึ้น 8.1% ในเดือนกุมภาพันธ์ โดยได้รับแรงหนุนจากภาษีเงินได้และภาษีการขาย อย่างไรก็ตาม อุปสรรคเชิงโครงสร้าง เช่น ต้นทุนพลังงานที่สูงและภาระด้านกฎระเบียบ ยังคงเป็นปัจจัยฉุดรั้งการเติบโตในระยะยาว ขณะที่ภาคอสังหาริมทรัพย์ส่งสัญญาณฟื้นตัวเล็กน้อย โดยราคาบ้านพักอาศัยปรับตัวเพิ่มขึ้น 1.9% เมื่อเทียบรายปีในไตรมาส 4 ซึ่งถือเป็นการเพิ่มขึ้นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2022 แม้ว่าต้นทุนการกู้ยืมที่สูงขึ้นยังคงเป็นความท้าทาย
ในทางตรงกันข้าม เศรษฐกิจฝรั่งเศสยังคงประสบปัญหา โดยกิจกรรมภาคเอกชนหดตัวต่อเนื่องเป็นเดือนที่เจ็ด ดัชนี PMI ภาครวมปรับตัวขึ้นเล็กน้อยในเดือนมีนาคม แต่ยังอยู่ในเขตหดตัว ความเชื่อมั่นทางธุรกิจอ่อนแอที่สุดนับตั้งแต่เดือนเมษายน 2020 ขณะที่ความไม่แน่นอนด้านนโยบายเศรษฐกิจยังคงอยู่ แม้จะมีการผ่านกฎหมายงบประมาณล่าช้าสำหรับปี 2025
ด้านค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ แข็งค่าขึ้นในวันอังคารหลังจากข้อมูลภาคบริการของสหรัฐฯ ออกมาแข็งแกร่ง อย่างไรก็ตาม การแข็งค่ายังถูกจำกัดโดยความไม่แน่นอนด้านนโยบายภาษี โดยภาคบริการแสดงความยืดหยุ่นมากกว่าภาคการผลิต ซึ่งยังคงอ่อนแอ เช่นเดียวกับเศรษฐกิจยุโรปและญี่ปุ่น อย่างไรก็ตาม ความกังวลเกี่ยวกับนโยบายภาษีของประธานาธิบดีทรัมป์ ซึ่งอาจกระตุ้นเงินเฟ้อและชะลอการเติบโตทางเศรษฐกิจ อาจกดดันค่าเงินดอลลาร์ตลอดทั้งปี แม้ทรัมป์จะระบุว่า ภาษีบางรายการอาจไม่ได้มีผลบังคับใช้ในเดือนเมษายน ซึ่งอาจช่วยหนุนค่าเงินดอลลาร์ได้บางส่วน
ในวันพุธ แรงส่งของค่าเงินดอลลาร์เริ่มชะลอตัวเนื่องจากข้อมูลความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐฯ อ่อนแอ และความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจจากมาตรการภาษีเพิ่มขึ้น โดยขณะนี้ ตลาดให้ความสนใจกับสัปดาห์หน้า ซึ่งทรัมป์คาดว่าจะประกาศหรือให้ความชัดเจนเกี่ยวกับภาษีในอุตสาหกรรมยานยนต์ เซมิคอนดักเตอร์ และเวชภัณฑ์
ทั้งนี้ แม้ว่ากิจกรรมทางธุรกิจของสหรัฐฯ จะเร่งตัวขึ้นในเดือนมีนาคม แต่ความคาดคาดหวังในอนาคตลดลงสู่ระดับต่ำสุดเป็นอันดับสองนับตั้งแต่เดือนตุลาคม 2022 สะท้อนถึงความกังวลของภาคธุรกิจเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจ ขณะที่ภาคบริการฟื้นตัวจากสภาพอากาศที่ดีขึ้น ซึ่งช่วยชดเชยการหดตัวของภาคการผลิต โดยในช่วงต้นปี บริษัทต่างๆ เร่งสั่งซื้อสินค้าเพื่อหลีกเลี่ยงผลกระทบจากมาตรการภาษี แต่ขณะที่การเรียกเก็บภาษีใกล้เข้ามา ธุรกิจเริ่มกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อที่อาจเร่งตัวขึ้นและการเติบโตที่อาจชะลอลง ในตลาดที่อยู่อาศัย ยอดขายบ้านเดี่ยวใหม่เพิ่มขึ้น 1.8% ในเดือนกุมภาพันธ์ อันเป็นผลจากอัตราดอกเบี้ยจำนองที่ลดลงและสภาพอากาศที่เอื้ออำนวย อย่างไรก็ตาม ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจอาจจำกัดการเติบโตต่อไป
ด้าน Moody’s เตือนว่าสถานะทางการคลังของสหรัฐฯ กำลังเสื่อมถอยในระยะยาว โดยชี้ให้เห็นถึงการขาดดุลงบประมาณที่ขยายตัวและภาระหนี้ที่เพิ่มขึ้น หน่วยงานจัดอันดับความน่าเชื่อถือซึ่งปรับลดแนวโน้มอันดับเครดิตของสหรัฐฯ ลงในปี 2023 คาดการณ์ว่าอัตราส่วนหนี้สินต่อ GDP จะเพิ่มขึ้นเป็น 130% ภายในปี 2035 ขณะที่ภาระดอกเบี้ยจะเพิ่มขึ้นเป็น 30% ของรายได้ จากเดิม 9% ในปี 2021 ปัจจุบัน Moody’s เป็นหน่วยงานจัดอันดับรายใหญ่รายสุดท้ายที่ยังคงอันดับเครดิตสูงสุดของสหรัฐฯ หลังจาก Fitch และ S&P ปรับลดอันดับเนื่องจากวิกฤตเพดานหนี้ที่เกิดขึ้นซ้ำๆ นักลงทุนใช้การจัดอันดับเหล่านี้ในการประเมินความเสี่ยงด้านการกู้ยืม โดยอันดับเครดิตที่ลดลงมักส่งผลให้ต้นทุนทางการเงินสูงขึ้น แม้ว่าบทบาทของดอลลาร์ในฐานะสกุลเงินหลักของโลกจะช่วยสนับสนุนอันดับเครดิตของสหรัฐฯ แต่ผลกระทบทางเศรษฐกิจจากมาตรการภาษีและนโยบายลดภาษีโดยไม่มีแหล่งรายได้มาทดแทนยังคงเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญ
ข้อมูลประกอบการวิเคราะห์ทางเทคนิค (1H) CFD EUR/USD
แนวต้านสำคัญ : 1.0795, 1.0797, 1.0801
แนวรับสำคัญ : 1.0787, 1.0785, 1.0781
1H Outlook
ที่มา: TradingView
Buy/Long 1 หากมีการแตะแนวรับที่ช่วงราคา 1.0781 - 1.0787 แต่ไม่สามารถทะลุแนวรับที่ 1.0787 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.0797 และ SL ที่ประมาณ 1.0778 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Buy/Long 2 หากสามารถทะลุแนวต้านที่ช่วงราคา 1.0795 - 1.0801 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.0809 และ SL ที่ประมาณ 1.0784 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Sell/Short 1 หากมีการแตะแนวต้านที่ช่วงราคา 1.0795 - 1.0801 แต่ไม่สามารถทะลุแนวต้านที่ 1.0795 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.0787 และ SL ที่ประมาณ 1.0804 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Sell/Short 2 หากสามารถทะลุแนวรับที่ช่วงราคา 1.0781 - 1.0787 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.0775 และ SL ที่ประมาณ 1.0798 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Pivot Points Mar 26, 2025 09:10AM GMT+7
Name
|
S3
|
S2
|
S1
|
Pivot Points
|
R1
|
R2
|
R3
|
---|---|---|---|---|---|---|---|
Classic | 1.0777 | 1.0781 | 1.0787 | 1.0791 | 1.0797 | 1.0801 | 1.0807 |
Fibonacci | 1.0781 | 1.0785 | 1.0787 | 1.0791 | 1.0795 | 1.0797 | 1.0801 |
Camarilla | 1.0791 | 1.0792 | 1.0793 | 1.0791 | 1.0795 | 1.0796 | 1.0797 |
Woodie's | 1.0779 | 1.0782 | 1.0789 | 1.0792 | 1.0799 | 1.0802 | 1.0809 |
DeMark's | - | - | 1.079 | 1.0792 | 1.0799 | - | - |
ที่มา: Investing 1, Investing 2
อัพเกรดความรู้เพิ่มเติม: คลิ