บทวิเคราะห์ USD/CAD วันที่ 28 มีนาคม 2568

Create at 2 days ago (Mar 28, 2025 10:24)

ดอลลาร์แคนาดาเพิ่มขึ้นเล็กน้อยท่ามกลางแรงกดดันจากภาษีของสหรัฐฯ

ค่าเงินดอลลาร์แคนาดาปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.5% ในปีนี้ แม้ว่าจะเผชิญแรงกดดันจากภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ ขณะเดียวกัน รัฐออนแทรีโอคาดว่าผลกระทบจากภาษีศุลกากรรถยนต์ของสหรัฐฯ ต่อแคนาดาจะลดลง หลังจากการหารือระหว่างรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ โฮเวิร์ด ลัตนิค และนายกรัฐมนตรีดั๊ก ฟอร์ด อย่างไรก็ตาม ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้เตือนถึงการขึ้นภาษีอย่างมีนัยสำคัญต่อแคนาดา โดยอ้างถึงความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจ หลังจากเพิ่งประกาศใช้ภาษีศุลกากรรถยนต์นำเข้าที่อัตรา 25% ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 3 เมษายน ขณะที่นายกรัฐมนตรีแคนาดา มาร์ก คาร์นีย์ ประณามมาตรการนี้ว่าเป็นการโจมตีโดยตรงต่อแรงงานแคนาดา พร้อมส่งสัญญาณถึงมาตรการตอบโต้ที่อาจเกิดขึ้น

เพื่อตอบสนองต่อความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจจากภาษีศุลกากร ธนาคารกลางแคนาดาได้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 25 จุดพื้นฐาน มาอยู่ที่ 2.75% เมื่อวันที่ 12 มีนาคม โดยระบุว่าความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อเริ่มผ่อนคลายลง แต่ยอมรับว่าภาษีศุลกากรอาจส่งผลให้ความต้องการภายในประเทศชะลอตัว แม้ว่าระดับเงินเฟ้อจะอยู่ใกล้ 2% มาหลายเดือน แต่การเพิ่มขึ้นเป็น 2.6% ล่าสุดสะท้อนถึงแรงกดดันด้านราคาที่เพิ่มขึ้น คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางยังคงระมัดระวัง โดยเน้นย้ำถึงความจำเป็นในการติดตามผลกระทบทางเศรษฐกิจจากภาษีศุลกากรอย่างใกล้ชิด ก่อนให้คำแนะนำเพิ่มเติมเกี่ยวกับนโยบายการเงิน

ด้านตลาดแรงงานของแคนาดาแสดงความแข็งแกร่งในช่วงต้นปี 2025 โดยมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 26,800 ตำแหน่งในเดือนมกราคม หลังจากเพิ่มขึ้น 66,400 ตำแหน่งในเดือนธันวาคม ภาคการศึกษา ค้าปลีก และสาธารณสุขมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น ในขณะที่ภาคก่อสร้างและการโรงแรมมีการสูญเสียตำแหน่งงาน อย่างไรก็ตาม จำนวนตำแหน่งงานว่างลดลงอย่างมาก โดยลดลง 136,700 ตำแหน่ง (-20.6%) เมื่อเทียบกับปีก่อน โดยเฉพาะในภาคขนส่ง การเงิน และการศึกษา ขณะที่อัตราการว่างงานต่อจำนวนตำแหน่งงานว่างเพิ่มขึ้นเป็น 2.8 สะท้อนให้เห็นถึงตลาดแรงงานที่อ่อนแอลง

ข้อมูลภาคการผลิตและยอดค้าปลีกบ่งชี้ถึงอุปสรรคทางเศรษฐกิจ ยอดขายภาคการผลิตของแคนาดามีแนวโน้มลดลง 0.2% ในเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งส่วนใหญ่มาจากยอดขายอาหารและน้ำมันปิโตรเลียมที่ลดลง ขณะที่ยอดค้าปลีกลดลง 0.6% ในเดือนมกราคม มากกว่าที่คาดการณ์ไว้ โดยยอดขายรถยนต์และของชำเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ยอดขายโดยรวมลดลง ซึ่งการลดลงดังกล่าวมีสาเหตุจากการปรับตัวของตลาดหลังช่วงเทศกาลและการหมดอายุของมาตรการลดภาษีขาย นักวิเคราะห์คาดว่าความไม่แน่นอนของผู้บริโภคที่เกี่ยวข้องกับภาษีศุลกากรจะส่งผลกดดันต่อการใช้จ่ายในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ซึ่งอาจทำให้การเติบโตของ GDP ชะลอตัวลง

ด้านค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ เคลื่อนไหวในทิศทางที่หลากหลายในวันพฤหัสบดี ขณะที่นักลงทุนประเมินความรุนแรงของมาตรการภาษีศุลกากรที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เตรียมประกาศในสัปดาห์หน้า ก่อนหน้านี้ ความหวังเกี่ยวกับความยืดหยุ่นของทรัมป์ในประเด็นภาษีได้ช่วยหนุนความเชื่อมั่นของตลาด อย่างไรก็ตาม ความไม่แน่นอนยังคงอยู่ก่อนการประกาศภาษีตอบโต้ในวันที่ 2 เมษายน หลังจากเมื่อวันพุธที่ผ่านมา ทรัมป์ได้กำหนดภาษีนำเข้ารถยนต์และรถบรรทุกขนาดเล็กที่อัตรา 25% ส่งผลให้ประเทศต่างๆ เช่น แคนาดาและฝรั่งเศส ออกมาเตือนถึงมาตรการตอบโต้ โดยความตึงเครียดทางการค้าเหล่านี้ ประกอบกับความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ ได้กดดันค่าเงินดอลลาร์ให้อยู่ในระดับทรงตัวตลอดสัปดาห์ และมีแนวโน้มอ่อนค่าลงในไตรมาสนี้ เนื่องจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐฯ ที่ลดลงและการชะลอตัวของตลาดหุ้นที่ถ่วงค่าเงิน

ข้อมูลเศรษฐกิจเผยให้เห็นว่าการเติบโตของเศรษฐกิจสหรัฐฯ ชะลอตัวในไตรมาสที่สี่ โดย GDP ขยายตัวในอัตราปีละ 2.4% สูงกว่าประมาณการก่อนหน้าที่ 2.3% เล็กน้อย แต่ลดลงจาก 3.1% ในไตรมาสก่อนหน้า การปรับตัวนี้สะท้อนถึงการนำเข้าที่ลดลง ซึ่งช่วยเพิ่มค่าการคำนวณ GDP แต่การลงทุนที่อ่อนแอลงได้หักล้างผลบวกจากการใช้จ่ายของผู้บริโภคและภาครัฐ นักวิเคราะห์ยังคงระมัดระวังเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจ เนื่องจากนโยบายภาษีเชิงรุกของทรัมป์และสภาพอากาศที่เลวร้ายในช่วงต้นปี 2025 อาจทำให้การเติบโตชะลอตัวลงยิ่งขึ้น

ขณะเดียวกัน ตลาดแรงงานสหรัฐฯ ยังคงแสดงความแข็งแกร่ง โดยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกลดลงเล็กน้อยมาอยู่ที่ 224,000 รายในสัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 22 มีนาคม แม้ว่าทรัมป์จะดำเนินมาตรการลดขนาดภาครัฐอย่างรุนแรง รวมถึงการปลดพนักงานจำนวนมากและการปรับลดงบประมาณอย่างหนัก แต่โดยรวมแล้ว จำนวนการเลิกจ้างงานยังคงอยู่ในระดับต่ำ อย่างไรก็ตาม การสูญเสียตำแหน่งงานในเขตวอชิงตัน ดี.ซี. เพิ่มขึ้น ซึ่งน่าจะเป็นผลมาจากการที่ผู้รับเหมาที่พึ่งพาเงินทุนจากภาครัฐสูญเสียแหล่งรายได้ คาดว่าอัตราการว่างงานจะยังคงอยู่ที่ 4.1% โดยได้รับแรงหนุนจากการจ้างงานที่มั่นคง

ทั้งนี้ สภาพคล่องทางการเงินในสหรัฐฯ เพิ่มขึ้นอย่างมาก โดยเงินฝากในธนาคารพาณิชย์และสินทรัพย์ในกองทุนตลาดเงินเพิ่มขึ้น 1.2 ล้านล้านดอลลาร์ในปี 2024 ต่อเนื่องจากการเพิ่มขึ้น 1 ล้านล้านดอลลาร์ในปี 2023 นักวิเคราะห์จาก JPMorgan ระบุว่าการขยายตัวของปริมาณเงินอย่างรวดเร็วนี้เป็นผลมาจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ ชะลอการคุมเข้มนโยบายการเงินเร็วกว่าที่คาดไว้ และการปล่อยสินเชื่อของธนาคารที่เพิ่มขึ้น ทางบริษัทคาดการณ์ว่าสภาพคล่องจะขยายตัว 6.4% ในปี 2025 ซึ่งสูงกว่าคาดการณ์การเติบโตของ GDP เชิงมูลค่า ซึ่งอยู่ที่ 3.5% อย่างมีนัยสำคัญ

ด้านข้อมูลการค้าชี้ให้เห็นว่าการขาดดุลการค้าสินค้าของสหรัฐฯ แคบลงในเดือนกุมภาพันธ์ โดยได้รับแรงหนุนจากการส่งออกที่เพิ่มขึ้น 7 พันล้านดอลลาร์ และการนำเข้าที่ลดลงเล็กน้อย ส่งผลให้ตัวเลขขาดดุลลดลง 4.9% มาอยู่ที่ 147.9 พันล้านดอลลาร์ ซึ่งช่วยบรรเทาความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวในไตรมาสแรก ขณะที่ภาคที่อยู่อาศัยมีสัญญาณฟื้นตัวเล็กน้อย โดยจำนวนสัญญาซื้อขายบ้านมือสองเพิ่มขึ้น 2.0% ในเดือนกุมภาพันธ์ จากอัตราดอกเบี้ยจำนองที่ลดลงซึ่งช่วยกระตุ้นความต้องการ อย่างไรก็ตาม ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจอาจจำกัดแนวโน้มการฟื้นตัวของตลาดที่อยู่อาศัยในระยะยาว

จากปัจจัยเหล่านี้ คู่สกุล USD/CAD อาจมีความผันผวนในระยะสั้น หากความเชื่อมั่นในความเสี่ยงลดลงและเศรษฐกิจสหรัฐฯ ชะลอตัว USD/CAD อาจทดสอบแนวต้านที่ระดับ 1.45 อย่างไรก็ตาม หากข้อมูลเศรษฐกิจของแคนาดามีเสถียรภาพและการเจรจาการค้าช่วยลดความตึงเครียด คู่สกุลเงินนี้อาจปรับตัวลงสู่ระดับ 1.40 ได้ในระยะสั้น

ข้อมูลประกอบการวิเคราะห์ทางเทคนิค (1D) CFD USD/CAD

แนวต้านสำคัญ : 1.4326, 1.4343, 1.4370                

แนวรับสำคัญ : 1.4272, 1.4255, 1.4228          

1D Outlook      

วิเคราะห์ USD/CAD ที่มา: TradingView                                      

Buy/Long 1 หากมีการแตะแนวรับที่ช่วงราคา 1.4202 - 1.4272 แต่ไม่สามารถเบรกแนวรับที่ 1.4272 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.4339 และ SL ที่ประมาณ 1.4167 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Buy/Long 2 หากสามารถเบรกแนวต้านที่ช่วงราคา 1.4326 - 1.4396 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.4433 และ SL ที่ประมาณ 1.4237 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้                 

Sell/Short 1 หากมีการแตะแนวต้านที่ช่วงราคา 1.4326 - 1.4396 แต่ไม่สามารถเบรกแนวต้านที่ 1.4326 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.4268 และ SL ที่ประมาณ 1.4431 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Sell/Short 2 หากสามารถเบรกแนวรับที่ช่วงราคา 1.4202 - 1.4272 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.4145 และ SL ที่ประมาณ 1.4361 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Pivot Points Mar 28, 2025 10:04AM GMT+7

Name
S3
S2
S1
Pivot Points
R1
R2
R3
Classic 1.4197 1.4228 1.4268 1.4299 1.4339 1.437 1.441
Fibonacci 1.4228 1.4255 1.4272 1.4299 1.4326 1.4343 1.437
Camarilla 1.4287 1.4294 1.43 1.4299 1.4314 1.432 1.4327
Woodie's 1.4201 1.423 1.4272 1.4301 1.4343 1.4372 1.4414
DeMark's - - 1.4283 1.4306 1.4354 - -

ที่มา: Investing 1Investing 2

______________________________
อัพเกรดความรู้เพิ่มเติม: คลิกที่นี่
รู้เท่าทันสถานการณ์โลกและบทวิเคราะห์เทคนิคขั้นสูง: คลิกที่นี่
Tags:

TECHNICAL ANALYSIS

ARTICLES