ตลาดร่วง ทองคำพุ่งสูงสุด กังวลภาษีกระตุ้นความผันผวน
ตลาดหุ้นทั่วโลกปรับตัวลดลง ขณะที่ราคาทองคำพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ ประกาศเรียกเก็บภาษีศุลกากรในวงกว้าง ซึ่งสร้างความกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าโลกและภาวะเศรษฐกิจถดถอย แม้ว่าตลาดวอลล์สตรีทจะร่วงลงในช่วงแรก แต่ดัชนีดาวโจนส์และ S&P 500 ปรับตัวขึ้นปิดบวกจากแรงหนุนในหุ้นกลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคพื้นฐาน การเงิน วัสดุ และพลังงาน ส่วนดัชนี Nasdaq ปิดลบเล็กน้อย โดยดัชนีหลักทั้งสามล้วนบันทึกผลขาดทุนทั้งในระดับรายเดือนและรายไตรมาส
นักลงทุนยังคงระมัดระวังขณะที่วันที่ 2 เมษายนใกล้เข้ามา ซึ่งคาดว่าทรัมป์จะประกาศมาตรการภาษีรอบใหม่ที่มุ่งเป้าไปยังอย่างน้อย 15 ประเทศ รายงานระบุว่าอาจมีการกำหนดภาษีแบบคงที่ 20% สำหรับทุกประเทศที่สหรัฐฯ ขาดดุลการค้า หลังจากที่มาตรการล่าสุดของทรัมป์ที่กำหนดภาษี 25% สำหรับการนำเข้ารถยนต์ที่ไม่ได้ผลิตในสหรัฐฯ ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 3 เมษายน โดยโฆษกทำเนียบขาว คาร์โรไลน์ ลีวิตต์ ยืนยันว่าภาษีเหล่านี้จะกำหนดตามประเทศเป็นหลัก ไม่ได้มุ่งเป้าไปที่อุตสาหกรรมใดอุตสาหกรรมหนึ่งโดยเฉพาะ อย่างไรก็ตาม ทรัมป์ยังคงมุ่งมั่นที่จะเรียกเก็บภาษีเฉพาะเจาะจงกับอุตสาหกรรมสำคัญบางแห่ง
ขณะเดียวกัน ความกังวลเกี่ยวกับเงินเฟ้อและการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่ซบเซาทำให้ตลาดผันผวนมากขึ้น โดยนักลงทุนจับตาดูรายงานการจ้างงานนอกภาคเกษตรในวันศุกร์ ซึ่งคาดว่าจะสะท้อนการชะลอตัวของการจ้างงาน ขณะที่นักวิเคราะห์เตือนว่าภาวะ Stagflation อาจส่งผลกระทบต่อกำไรของบริษัท และแรงกดดันด้านเงินเฟ้ออาจทำให้มูลค่าหุ้นลดลง
ทั้งนี้ นักเศรษฐศาสตร์เตือนว่านโยบายอาจเป็นปัจจัยกระตุ้นเงินเฟ้อและขัดขวางการเติบโตทางเศรษฐกิจ Goldman Sachs ได้เพิ่มโอกาสที่สหรัฐฯ จะเข้าสู่ภาวะถดถอยเป็น 35% จากเดิม 20% เนื่องจากอุปสรรคทางการค้าที่เพิ่มขึ้นและความเชื่อมั่นทางธุรกิจที่ลดลง รวมถึงคาดการณ์ว่าอัตราภาษีจะเพิ่มขึ้นเป็น 15% ภายในปี 2025 และจะผลักดันอัตราเงินเฟ้อ PCE พื้นฐานให้สูงขึ้นเป็น 3.5% ซึ่งเกินกว่าเป้าหมาย 2% ของธนาคารกลางสหรัฐฯ โดยนักวิเคราะห์ยังคาดการณ์ว่าการเติบโตของ GDP จะชะลอตัวลงเหลือเพียง 1% ในปีหน้า
ตลาดหุ้นเริ่มแสดงความผันผวนจากการคาดการณ์ถึงมาตรการภาษีเหล่านี้ โดยดัชนี S&P 500 และ Nasdaq ทำผลงานรายไตรมาสได้แย่ที่สุดนับตั้งแต่ปี 2022 โดยดัชนี S&P 500 ลดลง 4.6% ในไตรมาสแรก ขณะที่ Nasdaq ร่วง 10.5% และดาวโจนส์ลดลง 1.3% กลุ่มหุ้นเทคโนโลยีชั้นนำ "Magnificent Seven" ซึ่งเคยเป็นแรงผลักดันของตลาด ต่างเผชิญแรงขายหนัก โดย Tesla ร่วงลงเกือบ 36% และ Nvidia ลดลง 20% อย่างไรก็ตาม หุ้นกลุ่มพลังงานปรับตัวขึ้น 9.3% ในไตรมาสนี้ ในขณะที่หุ้นกลุ่มการเงินทำผลงานได้ดีกว่า ดันให้ Discover Financial Services และ Capital One ปรับตัวขึ้นจากกระแสข่าวการควบรวมกิจการ
ด้าน Tesla คาดว่าจะรายงานตัวเลขการส่งมอบรถยนต์ในไตรมาสแรกของปีนี้ โดยมีการคาดการณ์ว่าตัวเลขจะลดลง 7% เนื่องจากแรงกดดันจากปฏิกิริยาต่อต้านของตลาดต่อกิจกรรมทางการเมืองของซีอีโอ อีลอน มัสก์ และการแข่งขันที่รุนแรงขึ้นในตลาดรถยนต์ไฟฟ้า ขณะเดียวกัน CoreWeave ซึ่งได้รับการสนับสนุนจาก Nvidia ปรับตัวลงกว่า 7% หลัง IPO และ Moderna ร่วง 8.9% จากความกังวลด้านกฎระเบียบ ขณะที่ Rocket Companies เข้าซื้อกิจการ Mr. Cooper Group ทำให้หุ้นของ Mr. Cooper พุ่งขึ้น 14.5% แต่ส่งผลให้หุ้นของ Rocket ร่วงลง 7.4%
แม้ตลาดจะเผชิญกับความผันผวน แต่นักวิเคราะห์ชี้ว่า การปรับฐานเช่นนี้มักเกิดขึ้นก่อนที่ตลาดจะฟื้นตัว โดยดัชนี S&P 500 มีแนวโน้มที่จะปรับตัวขึ้นในไตรมาสถัดไป นักวิเคราะห์จาก BTIG ระบุว่า โดยปกติแล้ว เดือนเมษายนมักจะฟื้นตัวหลังจากเดือนมีนาคมที่ร่วงลงมากกว่า 3% โดยมีค่าเฉลี่ยการปรับตัวขึ้นที่ 5.92% และแม้ว่าจะมีความผันผวนในระยะสั้น Goldman Sachs ยังคงมองว่าดัชนี S&P 500 มีโอกาสปรับตัวขึ้น 11% ภายในสิ้นปีนี้ เนื่องจากเศรษฐกิจและผลประกอบการมีแนวโน้มฟื้นตัว
อย่างไรก็ดี ความไม่แน่นอนของตลาดเพิ่มมากขึ้น เมื่อทรัมป์ขู่ว่าจะกำหนดภาษีรอบสองในอัตรา 25%-50% สำหรับประเทศที่ซื้อน้ำมันจากรัสเซีย เพื่อตอบโต้คำวิจารณ์ของประธานาธิบดีปูตินต่อประธานาธิบดียูเครน วโลดีมีร์ เซเลนสกี ซึ่งถือเป็นการเปลี่ยนจุดยืนของทรัมป์ หลังจากที่ก่อนหน้านี้เคยชื่นชมปูตินและวิจารณ์เซเลนสกี
ด้วยเหตุนี้ หากความกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าทวีความรุนแรง ดัชนีดาวโจนส์ (US30) อาจเผชิญแรงกดดันขาลง โดยมีแนวรับสำคัญที่ 41,500 และ 41,000 โดยหากราคาหลุดต่ำกว่า 41,000 อาจเกิดการปรับฐานลึกลงไปที่ 40,500 ในทางกลับกัน หากข้อมูลเศรษฐกิจ โดยเฉพาะรายงานการจ้างงานนอกภาคเกษตรเดือนมีนาคมออกมาดีกว่าคาด และความเชื่อมั่นของนักลงทุนยังคงแข็งแกร่ง US30 อาจมีโอกาสทะลุแนวต้านที่ 42,200 ได้ โดยการปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องอาจผลักดันดัชนีไปที่ 42,500 อย่างไรก็ตาม ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับมาตรการภาษีและเงินเฟ้อยังคงเป็นปัจจัยเสี่ยงหลัก
ข้อมูลประกอบการวิเคราะห์ทางเทคนิค (1D) CFD US30 DJIA
แนวต้านสำคัญ : 42119.7, 42353.8, 42732.6
แนวรับสำคัญ : 41362.1, 41128.0, 40749.2
1D Outlook
ที่มา: TradingView
Buy/Long 1 หากมีการแตะแนวรับที่ช่วงราคา 40882.1 - 41362.1 แต่ไม่สามารถเบรกแนวรับที่ 41362.1 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 42327.8 และ SL ที่ประมาณ 40642.1 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Buy/Long 2 หากสามารถเบรกแนวต้านที่ช่วงราคา 42119.7 - 42599.7 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 43115.0 และ SL ที่ประมาณ 41122.0 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Sell/Short 1 หากมีการแตะแนวต้านที่ช่วงราคา 42119.7 - 42599.7 แต่ไม่สามารถเบรกแนวต้านที่ 42119.7 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 41336.1 และ SL ที่ประมาณ 42839.7 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Sell/Short 2 หากสามารถเบรกแนวรับที่ช่วงราคา 40882.1 - 41362.1 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 40480.0 และ SL ที่ประมาณ 42360.0 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Pivot Points Apr 1, 2025 09:37AM GMT+7
Name
|
S3
|
S2
|
S1
|
Pivot Points
|
R1
|
R2
|
R3
|
---|---|---|---|---|---|---|---|
Classic | 40344.4 | 40749.2 | 41336.1 | 41740.9 | 42327.8 | 42732.6 | 43319.5 |
Fibonacci | 40749.2 | 41128 | 41362.1 | 41740.9 | 42119.7 | 42353.8 | 42732.6 |
Camarilla | 41650.3 | 41741.2 | 41832.1 | 41740.9 | 42013.9 | 42104.8 | 42195.7 |
Woodie's | 40435.4 | 40794.7 | 41427.1 | 41786.4 | 42418.8 | 42778.1 | 43410.5 |
DeMark's | - | - | 41538.5 | 41842.1 | 42530.2 | - | - |
ที่มา: Investing 1, Investing 2
อัพเกรดความรู้เพิ่มเติม: คลิ