เศรษฐกิจยูโรโซนชะลอตัว-เสี่ยงซบซ้ำจากสงครามภาษี
เศรษฐกิจยูโรโซนขยายตัวเล็กน้อยต่อเนื่องเป็นเดือนที่สามในเดือนมีนาคม โดยได้รับแรงหนุนจากการฟื้นตัวเล็กน้อยของภาคการผลิตและกิจกรรมภาคบริการที่แข็งแกร่งขึ้น ดัชนี PMI แบบรวมของ HCOB เพิ่มขึ้นแตะ 50.9 โดยผลผลิตภาคการผลิตเติบโตเป็นครั้งแรกในรอบสองปี ขณะที่อัตราเงินเฟ้อภาคบริการชะลอตัว ส่งผลให้ตลาดคาดว่าธนาคารกลางยุโรป (ECB) อาจลดดอกเบี้ยอีกครั้งในวันที่ 17 เมษายน หลังจากปรับลดมาแล้ว 6 ครั้งตั้งแต่เดือนมิถุนายน อย่างไรก็ตาม ดัชนี PMI ยังคงต่ำกว่าค่าเฉลี่ยระยะยาว และการลดลงของปริมาณงานที่ยังคงอยู่ ทำให้เกิดข้อสงสัยเกี่ยวกับความยั่งยืนของการฟื้นตัว โดยเฉพาะเมื่อคำสั่งซื้อจากโรงงานบางส่วนอาจถูกเร่งออกมาก่อนที่ภาษีจากสหรัฐฯ จะมีผล
ด้านอัตราเงินเฟ้อในยูโรโซนชะลอตัวในเดือนมีนาคม โดย CPI ทั่วไปอยู่ที่ 2.2% และเงินเฟ้อพื้นฐานลดลงเหลือ 2.4% ช่วยลดแรงกดดันต่อ ECB ขณะที่อัตราเงินเฟ้อเยอรมนีชะลอลงเหลือ 2.3% ซึ่งยิ่งสนับสนุนแนวโน้มการลดดอกเบี้ย อย่างไรก็ตาม ราคาพลังงานที่ผันผวนและความตึงเครียดทางการค้าที่ใกล้เข้ามายังคงเป็นความเสี่ยง
ทั้งนี้ เศรษฐกิจเยอรมนียังคงซบเซา โดยคาดว่า GDP ปี 2025 จะโตเพียง 0.2% และการฟื้นตัวที่ชัดเจนกว่านี้อาจต้องรอถึงปี 2026 โดยการลงทุนภาคธุรกิจยังคงอ่อนแอ แม้ยอดขายปลีกจะเพิ่มขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ ขณะที่พฤติกรรมผู้บริโภคที่ระมัดระวังและอัตราว่างงานที่เพิ่มขึ้น ยังคงกดดันความเชื่อมั่น แม้ภาคการผลิตจะเริ่มแสดงสัญญาณฟื้นตัวในเดือนมีนาคม แต่คำสั่งซื้อภาคอุตสาหกรรมยังคงซบเซา เนื่องจากอุปสงค์ทั่วโลกที่อ่อนแอและผลกระทบจากภาษีใหม่ของสหรัฐฯ
บริษัทยักษ์ใหญ่ของเยอรมนี โดยเฉพาะกลุ่มผู้ส่งออก เช่น ผู้ผลิตรถยนต์และบริษัทวิศวกรรม กำลังเผชิญต้นทุนที่เพิ่มขึ้น และเกือบ 60% คาดว่าจะได้รับผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญ กระตุ้นความจำเป็นในการทบทวนกลยุทธ์อุตสาหกรรมครั้งใหญ่
ด้านฝรั่งเศสเผชิญแรงกดดันเช่นกัน โดยเงินเฟ้อในเดือนมีนาคมอยู่ที่เพียง 0.9% เมื่อเทียบรายปี แม้ราคาบริการจะปรับตัวขึ้น แต่ก็ถูกหักล้างด้วยราคาพลังงานและราคาสินค้าอุตสาหกรรมที่ยังลดลงต่อเนื่อง ในขณะที่การใช้จ่ายของผู้บริโภคลดลง 0.1% ในเดือนกุมภาพันธ์ จากการซื้ออาหารที่ลดลง และเพื่อตอบสนองต่อการเติบโตที่อ่อนแอและความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ รัฐมนตรีการคลังฝรั่งเศส เอริก ลอมบาร์ด ส่งสัญญาณถึงความยืดหยุ่นในการกำหนดตัวเลขขาดดุลงบประมาณปี 2025 ซึ่งปัจจุบันมีเป้าหมายที่จะลดลงจาก 5.8% เหลือ 5.4% แม้ว่าอาจเป็นเรื่องยากหากไม่มีการเติบโตที่แข็งแกร่งขึ้นก็ตาม
ความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับ EU เพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว หลังจากทรัมป์ได้ประกาศเก็บภาษีศุลกากรชุดใหญ่ โดยเริ่มที่ 10% และสูงสุดที่ 20% สำหรับสินค้าจาก EU ทำให้ EU เตรียมตอบโต้ด้วยมาตรการภาษีมูลค่าสูงถึง 28,000 ล้านยูโร โดยฝรั่งเศสและเยอรมนีเรียกร้องให้สหภาพยุโรปตอบโต้อย่างหนัก โดยเสนอให้เก็บภาษีกับบริษัทเทคโนโลยีสหรัฐฯ และใช้เครื่องมือต่อต้านการบีบบังคับของ EU ซึ่งคาดว่าจะมีการลงมติในวันที่ 9 เมษายนนี้
เจ้าหน้าที่ ECB เตือนว่าภาษีเหล่านี้อาจทำให้การเติบโตของยูโรโซนลดลงมากถึง 1 เปอร์เซ็นต์ และอาจก่อให้เกิดภาวะ stagflation หรือภาวะเงินเฟ้อสูงท่ามกลางเศรษฐกิจชะลอตัว รองประธาน ECB หลุยส์ เดอ กินดอส และคณะกรรมการบริหาร อิซาเบล ชนาเบิล เน้นย้ำถึงความเสียหายในระยะยาว ในขณะที่ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป อูร์ซูลา ฟอน แดร์ ไลเอิน เรียกภาษีของสหรัฐฯ ว่าเป็นภัยคุกคามต่อเศรษฐกิจโลก
ด้านสหรัฐฯ ค่าเงินดอลลาร์แข็งค่าขึ้น หลังประธานเฟด เจอโรม พาวเวลล์ ส่งสัญญาณระวังการลดดอกเบี้ย โดยให้เหตุผลเรื่องความเสี่ยงเงินเฟ้อจากภาษี ขณะที่ข้อมูลตลาดแรงงานเดือนมีนาคมแข็งแกร่งเกินคาด โดยมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 228,000 ตำแหน่ง แม้ตัวเลขเดือนกุมภาพันธ์จะถูกปรับลดลง และอัตราว่างงานเพิ่มขึ้นเป็น 4.2% ตลาดยังคงผันผวน ขณะที่ทรัมป์ปกป้องมาตรการภาษีว่ามีความจำเป็นเพื่อลดการขาดดุลการค้า แต่ผลกระทบได้ลบมูลค่าตลาดโลกไปแล้วหลายล้านล้านดอลลาร์ และจุดกระแสตอบโต้จากนานาชาติ
ด้านโกลด์แมน แซคส์ ปรับเพิ่มโอกาสที่สหรัฐฯ จะเข้าสู่ภาวะถดถอยภายในหนึ่งปี เป็น 45% โดยชี้ถึงภาวะการเงินที่ตึงตัวและความไม่แน่นอนที่เพิ่มขึ้น ขณะที่เจพีมอร์แกนมองว่าความเสี่ยงสูงกว่านั้น โดยโกลด์แมนคาดว่าเฟดจะเริ่มลดดอกเบี้ย 3 ครั้ง โดยจะเริ่มในเดือนมิถุนายน แต่เตือนว่าหากมาตรการภาษีถูกนำมาใช้อย่างสมบูรณ์ อาจส่งผลให้เศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะถดถอยภายในไตรมาส 4 ปี 2025 นักเศรษฐศาสตร์ของบาร์เคลย์สแสดงความเห็นไปในทิศทางเดียวกัน โดยระบุว่าภาษีใหม่คือภาวะเศรษฐกิจตกต่ำแบบชะงักงัน ที่อาจทำให้ GDP หดตัวในครึ่งหลังของปี 2025 และอัตราว่างงานเพิ่มขึ้นเป็น 4.7% ภายในต้นปี 2026
ด้วยเหตุนี้ EUR/USD อาจเผชิญกับความเสี่ยงขาลงในระดับปานกลางในช่วงไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า โดยมีแนวโน้มถอยกลับไปที่ช่วง 1.0900–1.0950 หากธนาคารกลางสหรัฐฯ ไม่ส่งสัญญาณผ่อนคลายทางการเงินเกินคาด หรือสหภาพยุโรปไม่ตอบโต้ภัยคุกคามด้านการค้าอย่างเด็ดขาด ทิศทางโดยรวมยังคงเอื้อให้ค่าเงินยูโรอ่อนค่าลงเล็กน้อยจากระดับปัจจุบัน
ข้อมูลประกอบการวิเคราะห์ทางเทคนิค (1H) CFD EUR/USD
แนวต้านสำคัญ : 1.1022, 1.1033, 1.1049
แนวรับสำคัญ : 1.0990, 1.0979, 1.0963
1H Outlook
ที่มา: TradingView
Buy/Long 1 หากมีการแตะแนวรับที่ช่วงราคา 1.0960 - 1.0990 แต่ไม่สามารถทะลุแนวรับที่ 1.0990 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.1034 และ SL ที่ประมาณ 1.0945 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Buy/Long 2 หากสามารถทะลุแนวต้านที่ช่วงราคา 1.1022 - 1.1052 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.1077 และ SL ที่ประมาณ 1.0975 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Sell/Short 1 หากมีการแตะแนวต้านที่ช่วงราคา 1.1022 - 1.1052 แต่ไม่สามารถทะลุแนวต้านที่ 1.1022 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.0990 และ SL ที่ประมาณ 1.1067 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Sell/Short 2 หากสามารถทะลุแนวรับที่ช่วงราคา 1.0960 - 1.0990 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.0948 และ SL ที่ประมาณ 1.1037 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Pivot Points Apr 7, 2025 01:16PM GMT+7
Name
|
S3
|
S2
|
S1
|
Pivot Points
|
R1
|
R2
|
R3
|
---|---|---|---|---|---|---|---|
Classic | 1.0948 | 1.0963 | 1.0991 | 1.1006 | 1.1034 | 1.1049 | 1.1077 |
Fibonacci | 1.0963 | 1.0979 | 1.099 | 1.1006 | 1.1022 | 1.1033 | 1.1049 |
Camarilla | 1.1008 | 1.1012 | 1.1016 | 1.1006 | 1.1024 | 1.1028 | 1.1032 |
Woodie's | 1.0956 | 1.0967 | 1.0999 | 1.101 | 1.1042 | 1.1053 | 1.1085 |
DeMark's | - | - | 1.0999 | 1.101 | 1.1042 | - | - |
ที่มา: Investing 1, Investing 2
อัพเกรดความรู้เพิ่มเติม: คลิ