USD/CAD พุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบหลายปี จากช่องว่างนโยบายการเงินที่เพิ่มขึ้น
ภาวะเศรษฐกิจทั่วอเมริกาเหนือเริ่มถดถอยลงอย่างชัดเจน เนื่องจากมาตรการขึ้นภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ส่งแรงกระเพื่อมไปทั่วระบบการค้า ความเชื่อมั่นทางธุรกิจ และตลาดการเงิน ทั้งในแคนาดาและสหรัฐอเมริกา สัญญาณความตึงเครียดทางเศรษฐกิจกำลังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ก่อให้เกิดความวิตกต่อภาวะเศรษฐกิจถดถอย และความกังวลด้านเงินเฟ้อ
ในแคนาดา แนวโน้มเศรษฐกิจมืดมนลงอย่างชัดเจน นายกรัฐมนตรีมาร์ก คาร์นีย์ เตือนว่าความขัดแย้งทางการค้าที่รุนแรงขึ้นกับสหรัฐฯ ได้เริ่มส่งผลต่อการเติบโตและเสถียรภาพทางการเงินของประเทศ พร้อมทั้งได้เริ่มหารือกับผู้ว่าการธนาคารกลางแคนาดา ทิฟฟ์ แม็คเคลม และรัฐมนตรีคลัง ฟรองซัวส์-ฟิลิปป์ ช็องปาญ เพื่อเตรียมรับมือร่วมกัน
ผลสำรวจแนวโน้มธุรกิจล่าสุดจากธนาคารกลางแคนาดาเผยให้เห็นถึงการลดลงของความเชื่อมั่นอย่างรุนแรง โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ส่งออก ประมาณหนึ่งในสามของธุรกิจที่ตอบแบบสอบถามคาดว่าจะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยภายในหนึ่งปีข้างหน้า หลายบริษัทชะลอแผนการลงทุนและการจ้างงานเนื่องจากความไม่แน่นอน ขณะที่ความคาดหวังด้านเงินเฟ้อปรับตัวเพิ่มขึ้น จากต้นทุนที่สูงขึ้นอันเป็นผลมาจากภาษีนำเข้า ดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจหลักของธนาคารจึงกลับทิศจากการปรับตัวดีขึ้นก่อนหน้า
ด้านข้อมูลการค้าในเดือนกุมภาพันธ์ชี้ให้เห็นภาพที่น่าวิตก แคนาดาพลิกกลับมาขาดดุลการค้าอย่างไม่คาดคิด เนื่องจากภาคธุรกิจเร่งสำรองสินค้าคงคลังก่อนการขึ้นภาษี แม้ว่าปริมาณการค้าจะยังอยู่ในระดับสูง แต่การส่งออก โดยเฉพาะในภาคพลังงานและยานยนต์ กลับลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ขณะที่ผลจากการเร่งนำเข้าสินค้า (“front-loading”) เริ่มลดน้อยลง ส่วนการนำเข้ายังคงเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะจากสหรัฐฯ
อีกด้าน ตลาดแรงงานของแคนาดาเริ่มเผชิญแรงกดดัน โดยในเดือนมีนาคม มีการจ้างงานลดลง 33,000 ตำแหน่ง ซึ่งนับเป็นการหดตัวรายเดือนครั้งแรกในรอบกว่า 3 ปี โดยตำแหน่งงานที่หายไปส่วนใหญ่เป็นงานประจำที่ไวต่อความเสี่ยงด้านการค้า ได้แก่ ค้าส่ง ค้าปลีก และก่อสร้าง ท่ามกลางธุรกิจภาคการผลิตที่ยังคงหดตัว โดยดัชนี PMI ลดลงแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนธันวาคม 2023 และภาคบริการที่อ่อนแอลงชัดเจน โดยทั้งกิจกรรมทางธุรกิจและคำสั่งซื้อใหม่ตกลงสู่ระดับตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นวิกฤตโควิด-19
ท่ามกลางความไม่แน่นอน รัฐออนแทรีโอได้ประกาศมาตรการเยียวยามูลค่า 11,000 ล้านดอลลาร์แคนาดา เพื่อช่วยเหลือแรงงานและภาคธุรกิจ รวมถึงการเลื่อนชำระภาษีและการคืนเงินสมทบ โดยมาตรการดังกล่าวมีเป้าหมายเพื่อบรรเทาผลกระทบจากภาษี รักษาระดับการจ้างงาน และสร้างเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ ขณะเดียวกัน ธนาคารกลางแคนาดาก็กำลังเผชิญแรงกดดันที่เพิ่มขึ้น โดยตลาดเริ่มคาดการณ์ถึงความเป็นไปได้สูงในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งถัดไป
ด้านเศรษฐกิจสหรัฐฯ กำลังเผชิญแรงกดดันมากขึ้นจากมาตรการการค้าของทรัมป์ โดยการขึ้นภาษีรอบล่าสุดซึ่งครอบคลุมตั้งแต่ 10% ถึงสูงสุด 50% สำหรับสินค้านำเข้าบางรายการ อาจผลักให้ “อัตราภาษีที่แท้จริง” เพิ่มขึ้นเกือบ 19% ตามการวิเคราะห์ของซิตี้กรุ๊ป มาตรการเหล่านี้เมื่อรวมกับการดำเนินการทางการค้าที่ผ่านมา ได้จุดชนวนให้เงินเฟ้อเร่งตัวขึ้นและกิจกรรมทางธุรกิจที่อ่อนแรงลง
ทั้งนี้ ความคาดหวังด้านเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยดัชนี PCE ถูกคาดการณ์ว่าจะแตะระดับ 3.5% ภายในสิ้นปีนี้ ขณะที่ดัชนี CPI พื้นฐานอาจสูงกว่านั้น อย่างไรก็ตาม ความไม่แน่นอนว่าภาษีศุลกากรเหล่านี้จะเป็นการเปลี่ยนแปลงนโยบายถาวรหรือเป็นเพียงกลยุทธ์การเจรจาต่อรองยังคงสร้างความสับสนให้กับแนวโน้มในปัจจุบัน
ขณะเดียวกัน ความเชื่อมั่นทางธุรกิจกำลังถดถอย โดยสหพันธ์ธุรกิจขนาดเล็กแห่งชาติของสหรัฐฯ รายงานว่าความเชื่อมั่นของธุรกิจขนาดเล็กลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่สาม โดยเฉพาะในด้านยอดขายและแผนการจ้างงาน ก่อนที่จะมีการขึ้นภาษีครั้งใหญ่เมื่อวันที่ 2 เมษายนจะมีผล ขณะที่เจ้าหน้าที่เฟดเริ่มแสดงความกังวล โดยประธานเฟดชิคาโก ออสตัน กูลส์บี เรียกนโยบายภาษีดังกล่าวว่า “ผลกระทบด้านอุปทานเชิงลบ” ที่ส่งผลต่อเงินเฟ้อและการเติบโต ขณะที่ประธานเฟดซานฟรานซิสโก แมรี เดลี เน้นย้ำความจำเป็นในการดำเนินนโยบายอย่างระมัดระวัง ท่ามกลางสัญญาณเศรษฐกิจที่ยังไม่ชัดเจน ทั้งนี้ ตลาดการเงินเริ่มเดิมพันกับการปรับลดดอกเบี้ยหลายครั้งในปีนี้เพื่อพยุงการเติบโตที่ชะลอตัว
ด้านมอร์แกน สแตนลีย์ ได้ปรับลดคาดการณ์การเติบโตของ GDP สหรัฐฯ อย่างมาก โดยคาดว่าจะเติบโตเพียง 0.8% ในปี 2025 และ 0.7% ในปี 2026 สาเหตุหลักมาจากเงินเฟ้อที่เร่งตัวขึ้น การลงทุนภาคธุรกิจที่อ่อนแอ และอัตราการว่างงานที่อาจเพิ่มขึ้นเป็น 4.9% แม้ว่าภาษีจะถูกลดลงในอนาคต แต่นักวิเคราะห์เชื่อว่าความเสียหายต่อแรงขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจอาจได้เกิดขึ้นแล้ว
ในอีกด้านหนึ่ง ตลาดพันธบัตรของสหรัฐฯ ส่งสัญญาณผันผวน แม้อัตราผลตอบแทนจะลดลงนับตั้งแต่ทรัมป์รับตำแหน่ง แต่ "term premium" ซึ่งสะท้อนความเสี่ยงระยะยาวกลับเพิ่มขึ้น แสดงให้เห็นถึงความกังวลของนักลงทุนเกี่ยวกับเสถียรภาพของสถาบัน ความไม่แน่นอนทางการเมือง และหนี้สาธารณะที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
ทั้งนี้ ความกังวลเกี่ยวกับบทบาทของสหรัฐฯ ในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยระดับโลก กำลังทวีความรุนแรงขึ้น ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าแนวทางการบริหารของทรัมป์ ซึ่งรวมถึงการใช้อำนาจบริหารในวงกว้าง การไม่เคารพอิสระของฝ่ายตุลาการ และนโยบายต่างประเทศที่ไม่แน่นอน อาจกำลังบ่อนทำลายความเชื่อมั่นต่อสถาบันของสหรัฐฯ ขณะที่ประเทศต่างๆ เช่น ญี่ปุ่น เยอรมนี และสิงคโปร์ เริ่มประเมินความเสี่ยงของการถือครองสินทรัพย์สหรัฐฯ ใหม่ นักวิเคราะห์บางรายเชื่อว่าการเปลี่ยนแปลงนี้อาจทำให้ต้นทุนเงินทุนระยะยาวของภาครัฐและภาคเอกชนเพิ่มสูงขึ้น ขณะที่สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือกำลังจับตามองอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะสัญญาณการอ่อนตัวของหลักนิติธรรมซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญต่ออันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐฯ
อย่างไรก็ดี คู่สกุล USD/CAD ได้พุ่งขึ้นแตะระดับ 1.4212 ซื้อขายใกล้ระดับสูงสุดที่ไม่เคยเห็นมาตั้งแต่ช่วงวิกฤตราคาน้ำมันในปี 2016 โดยโมเมนตัมขาขึ้นนี้สะท้อนถึงช่องว่างของนโยบายการเงินที่กว้างมากขึ้น โดยธนาคารกลางสหรัฐฯ มีแนวโน้มคงอัตราดอกเบี้ยในระดับสูงต่อเนื่องจากแรงกดดันด้านเงินเฟ้อ ในขณะที่ธนาคารกลางแคนาดากลับเผชิญแรงกดดันมากขึ้นให้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยท่ามกลางภาวะการเติบโตที่อ่อนแอลง โดยหากโมเมนตัมเชิงบวกยังคงมีอย่างต่อเนื่อง USD/CAD อาจมีเป้าหมายแนวต้านถัดไปที่ระดับ 1.4350 และอาจทะลุขึ้นถึง 1.46 ได้ในหลายสัปดาห์ข้างหน้า อย่างไรก็ตาม หาก Fed ส่งสัญญาณผ่อนคลายมากขึ้นหรือข้อมูลเศรษฐกิจแคนาดาเริ่มมีเสถียรภาพ ก็อาจทำให้ค่าเงินปรับฐานลงแรง และอาจกลับมาทดสอบแนวรับที่ 1.40 ได้
ข้อมูลประกอบการวิเคราะห์ทางเทคนิค (1H) CFD USD/CAD
แนวต้านสำคัญ : 1.4237, 1.4245, 1.4258
แนวรับสำคัญ : 1.4211, 1.4203, 1.4190
1H Outlook
ที่มา: TradingView
Buy/Long 1 หากมีการแตะแนวรับที่ช่วงราคา 1.4191 - 1.4211 แต่ไม่สามารถเบรกแนวรับที่ 1.4211 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.4237 และ SL ที่ประมาณ 1.4181 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Buy/Long 2 หากสามารถเบรกแนวต้านที่ช่วงราคา 1.4237 - 1.4257 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.4273 และ SL ที่ประมาณ 1.4201 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Sell/Short 1 หากมีการแตะแนวต้านที่ช่วงราคา 1.4237 - 1.4257 แต่ไม่สามารถเบรกแนวต้านที่ 1.4237 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.4202 และ SL ที่ประมาณ 1.4267 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Sell/Short 2 หากสามารถเบรกแนวรับที่ช่วงราคา 1.4191 - 1.4211 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.4166 และ SL ที่ประมาณ 1.4247 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Pivot Points Apr 9, 2025 09:25AM GMT+7
Name
|
S3
|
S2
|
S1
|
Pivot Points
|
R1
|
R2
|
R3
|
---|---|---|---|---|---|---|---|
Classic | 1.4168 | 1.419 | 1.4202 | 1.4224 | 1.4236 | 1.4258 | 1.427 |
Fibonacci | 1.419 | 1.4203 | 1.4211 | 1.4224 | 1.4237 | 1.4245 | 1.4258 |
Camarilla | 1.4206 | 1.4209 | 1.4212 | 1.4224 | 1.4218 | 1.4221 | 1.4224 |
Woodie's | 1.4164 | 1.4188 | 1.4198 | 1.4222 | 1.4232 | 1.4256 | 1.4266 |
DeMark's | - | - | 1.4196 | 1.4221 | 1.423 | - | - |
ที่มา: Investing 1, Investing 2
อัพเกรดความรู้เพิ่มเติม: คลิ