บทวิเคราะห์ USD/CAD วันที่ 9 เมษายน 2568

Create at 1 week ago (Apr 09, 2025 09:45)

USD/CAD พุ่งแตะระดับสูงสุดในรอบหลายปี จากช่องว่างนโยบายการเงินที่เพิ่มขึ้น

ภาวะเศรษฐกิจทั่วอเมริกาเหนือเริ่มถดถอยลงอย่างชัดเจน เนื่องจากมาตรการขึ้นภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ส่งแรงกระเพื่อมไปทั่วระบบการค้า ความเชื่อมั่นทางธุรกิจ และตลาดการเงิน ทั้งในแคนาดาและสหรัฐอเมริกา สัญญาณความตึงเครียดทางเศรษฐกิจกำลังเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ก่อให้เกิดความวิตกต่อภาวะเศรษฐกิจถดถอย และความกังวลด้านเงินเฟ้อ

ในแคนาดา แนวโน้มเศรษฐกิจมืดมนลงอย่างชัดเจน นายกรัฐมนตรีมาร์ก คาร์นีย์ เตือนว่าความขัดแย้งทางการค้าที่รุนแรงขึ้นกับสหรัฐฯ ได้เริ่มส่งผลต่อการเติบโตและเสถียรภาพทางการเงินของประเทศ พร้อมทั้งได้เริ่มหารือกับผู้ว่าการธนาคารกลางแคนาดา ทิฟฟ์ แม็คเคลม และรัฐมนตรีคลัง ฟรองซัวส์-ฟิลิปป์ ช็องปาญ เพื่อเตรียมรับมือร่วมกัน

ผลสำรวจแนวโน้มธุรกิจล่าสุดจากธนาคารกลางแคนาดาเผยให้เห็นถึงการลดลงของความเชื่อมั่นอย่างรุนแรง โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ส่งออก ประมาณหนึ่งในสามของธุรกิจที่ตอบแบบสอบถามคาดว่าจะเกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยภายในหนึ่งปีข้างหน้า หลายบริษัทชะลอแผนการลงทุนและการจ้างงานเนื่องจากความไม่แน่นอน ขณะที่ความคาดหวังด้านเงินเฟ้อปรับตัวเพิ่มขึ้น จากต้นทุนที่สูงขึ้นอันเป็นผลมาจากภาษีนำเข้า ดัชนีความเชื่อมั่นทางธุรกิจหลักของธนาคารจึงกลับทิศจากการปรับตัวดีขึ้นก่อนหน้า

ด้านข้อมูลการค้าในเดือนกุมภาพันธ์ชี้ให้เห็นภาพที่น่าวิตก แคนาดาพลิกกลับมาขาดดุลการค้าอย่างไม่คาดคิด เนื่องจากภาคธุรกิจเร่งสำรองสินค้าคงคลังก่อนการขึ้นภาษี แม้ว่าปริมาณการค้าจะยังอยู่ในระดับสูง แต่การส่งออก โดยเฉพาะในภาคพลังงานและยานยนต์ กลับลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ขณะที่ผลจากการเร่งนำเข้าสินค้า (“front-loading”) เริ่มลดน้อยลง ส่วนการนำเข้ายังคงเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะจากสหรัฐฯ

อีกด้าน ตลาดแรงงานของแคนาดาเริ่มเผชิญแรงกดดัน โดยในเดือนมีนาคม มีการจ้างงานลดลง 33,000 ตำแหน่ง ซึ่งนับเป็นการหดตัวรายเดือนครั้งแรกในรอบกว่า 3 ปี โดยตำแหน่งงานที่หายไปส่วนใหญ่เป็นงานประจำที่ไวต่อความเสี่ยงด้านการค้า ได้แก่ ค้าส่ง ค้าปลีก และก่อสร้าง ท่ามกลางธุรกิจภาคการผลิตที่ยังคงหดตัว โดยดัชนี PMI ลดลงแตะระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนธันวาคม 2023 และภาคบริการที่อ่อนแอลงชัดเจน โดยทั้งกิจกรรมทางธุรกิจและคำสั่งซื้อใหม่ตกลงสู่ระดับตั้งแต่ช่วงเริ่มต้นวิกฤตโควิด-19

ท่ามกลางความไม่แน่นอน รัฐออนแทรีโอได้ประกาศมาตรการเยียวยามูลค่า 11,000 ล้านดอลลาร์แคนาดา เพื่อช่วยเหลือแรงงานและภาคธุรกิจ รวมถึงการเลื่อนชำระภาษีและการคืนเงินสมทบ โดยมาตรการดังกล่าวมีเป้าหมายเพื่อบรรเทาผลกระทบจากภาษี รักษาระดับการจ้างงาน และสร้างเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ ขณะเดียวกัน ธนาคารกลางแคนาดาก็กำลังเผชิญแรงกดดันที่เพิ่มขึ้น โดยตลาดเริ่มคาดการณ์ถึงความเป็นไปได้สูงในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมครั้งถัดไป

ด้านเศรษฐกิจสหรัฐฯ กำลังเผชิญแรงกดดันมากขึ้นจากมาตรการการค้าของทรัมป์ โดยการขึ้นภาษีรอบล่าสุดซึ่งครอบคลุมตั้งแต่ 10% ถึงสูงสุด 50% สำหรับสินค้านำเข้าบางรายการ อาจผลักให้ “อัตราภาษีที่แท้จริง” เพิ่มขึ้นเกือบ 19% ตามการวิเคราะห์ของซิตี้กรุ๊ป มาตรการเหล่านี้เมื่อรวมกับการดำเนินการทางการค้าที่ผ่านมา ได้จุดชนวนให้เงินเฟ้อเร่งตัวขึ้นและกิจกรรมทางธุรกิจที่อ่อนแรงลง

ทั้งนี้ ความคาดหวังด้านเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยดัชนี PCE ถูกคาดการณ์ว่าจะแตะระดับ 3.5% ภายในสิ้นปีนี้ ขณะที่ดัชนี CPI พื้นฐานอาจสูงกว่านั้น อย่างไรก็ตาม ความไม่แน่นอนว่าภาษีศุลกากรเหล่านี้จะเป็นการเปลี่ยนแปลงนโยบายถาวรหรือเป็นเพียงกลยุทธ์การเจรจาต่อรองยังคงสร้างความสับสนให้กับแนวโน้มในปัจจุบัน

ขณะเดียวกัน ความเชื่อมั่นทางธุรกิจกำลังถดถอย โดยสหพันธ์ธุรกิจขนาดเล็กแห่งชาติของสหรัฐฯ รายงานว่าความเชื่อมั่นของธุรกิจขนาดเล็กลดลงต่อเนื่องเป็นเดือนที่สาม โดยเฉพาะในด้านยอดขายและแผนการจ้างงาน ก่อนที่จะมีการขึ้นภาษีครั้งใหญ่เมื่อวันที่ 2 เมษายนจะมีผล ขณะที่เจ้าหน้าที่เฟดเริ่มแสดงความกังวล โดยประธานเฟดชิคาโก ออสตัน กูลส์บี เรียกนโยบายภาษีดังกล่าวว่า “ผลกระทบด้านอุปทานเชิงลบ” ที่ส่งผลต่อเงินเฟ้อและการเติบโต ขณะที่ประธานเฟดซานฟรานซิสโก แมรี เดลี เน้นย้ำความจำเป็นในการดำเนินนโยบายอย่างระมัดระวัง ท่ามกลางสัญญาณเศรษฐกิจที่ยังไม่ชัดเจน ทั้งนี้ ตลาดการเงินเริ่มเดิมพันกับการปรับลดดอกเบี้ยหลายครั้งในปีนี้เพื่อพยุงการเติบโตที่ชะลอตัว

ด้านมอร์แกน สแตนลีย์ ได้ปรับลดคาดการณ์การเติบโตของ GDP สหรัฐฯ อย่างมาก โดยคาดว่าจะเติบโตเพียง 0.8% ในปี 2025 และ 0.7% ในปี 2026 สาเหตุหลักมาจากเงินเฟ้อที่เร่งตัวขึ้น การลงทุนภาคธุรกิจที่อ่อนแอ และอัตราการว่างงานที่อาจเพิ่มขึ้นเป็น 4.9% แม้ว่าภาษีจะถูกลดลงในอนาคต แต่นักวิเคราะห์เชื่อว่าความเสียหายต่อแรงขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจอาจได้เกิดขึ้นแล้ว

ในอีกด้านหนึ่ง ตลาดพันธบัตรของสหรัฐฯ ส่งสัญญาณผันผวน แม้อัตราผลตอบแทนจะลดลงนับตั้งแต่ทรัมป์รับตำแหน่ง แต่ "term premium" ซึ่งสะท้อนความเสี่ยงระยะยาวกลับเพิ่มขึ้น แสดงให้เห็นถึงความกังวลของนักลงทุนเกี่ยวกับเสถียรภาพของสถาบัน ความไม่แน่นอนทางการเมือง และหนี้สาธารณะที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว

ทั้งนี้ ความกังวลเกี่ยวกับบทบาทของสหรัฐฯ ในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัยระดับโลก กำลังทวีความรุนแรงขึ้น ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าแนวทางการบริหารของทรัมป์ ซึ่งรวมถึงการใช้อำนาจบริหารในวงกว้าง การไม่เคารพอิสระของฝ่ายตุลาการ และนโยบายต่างประเทศที่ไม่แน่นอน อาจกำลังบ่อนทำลายความเชื่อมั่นต่อสถาบันของสหรัฐฯ ขณะที่ประเทศต่างๆ เช่น ญี่ปุ่น เยอรมนี และสิงคโปร์ เริ่มประเมินความเสี่ยงของการถือครองสินทรัพย์สหรัฐฯ ใหม่ นักวิเคราะห์บางรายเชื่อว่าการเปลี่ยนแปลงนี้อาจทำให้ต้นทุนเงินทุนระยะยาวของภาครัฐและภาคเอกชนเพิ่มสูงขึ้น ขณะที่สถาบันจัดอันดับความน่าเชื่อถือกำลังจับตามองอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะสัญญาณการอ่อนตัวของหลักนิติธรรมซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญต่ออันดับความน่าเชื่อถือของสหรัฐฯ

อย่างไรก็ดี คู่สกุล USD/CAD ได้พุ่งขึ้นแตะระดับ 1.4212 ซื้อขายใกล้ระดับสูงสุดที่ไม่เคยเห็นมาตั้งแต่ช่วงวิกฤตราคาน้ำมันในปี 2016 โดยโมเมนตัมขาขึ้นนี้สะท้อนถึงช่องว่างของนโยบายการเงินที่กว้างมากขึ้น โดยธนาคารกลางสหรัฐฯ มีแนวโน้มคงอัตราดอกเบี้ยในระดับสูงต่อเนื่องจากแรงกดดันด้านเงินเฟ้อ ในขณะที่ธนาคารกลางแคนาดากลับเผชิญแรงกดดันมากขึ้นให้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยท่ามกลางภาวะการเติบโตที่อ่อนแอลง โดยหากโมเมนตัมเชิงบวกยังคงมีอย่างต่อเนื่อง USD/CAD อาจมีเป้าหมายแนวต้านถัดไปที่ระดับ 1.4350 และอาจทะลุขึ้นถึง 1.46 ได้ในหลายสัปดาห์ข้างหน้า อย่างไรก็ตาม หาก Fed ส่งสัญญาณผ่อนคลายมากขึ้นหรือข้อมูลเศรษฐกิจแคนาดาเริ่มมีเสถียรภาพ ก็อาจทำให้ค่าเงินปรับฐานลงแรง และอาจกลับมาทดสอบแนวรับที่ 1.40 ได้

ข้อมูลประกอบการวิเคราะห์ทางเทคนิค (1H) CFD USD/CAD

แนวต้านสำคัญ : 1.4237, 1.4245, 1.4258      

แนวรับสำคัญ : 1.4211, 1.4203, 1.4190             

1H Outlook                

วิเคราะห์ USD/CAD ที่มา: TradingView                     

Buy/Long 1 หากมีการแตะแนวรับที่ช่วงราคา 1.4191 - 1.4211 แต่ไม่สามารถเบรกแนวรับที่ 1.4211 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.4237 และ SL ที่ประมาณ 1.4181 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Buy/Long 2 หากสามารถเบรกแนวต้านที่ช่วงราคา 1.4237 - 1.4257 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.4273 และ SL ที่ประมาณ 1.4201 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้                 

Sell/Short 1 หากมีการแตะแนวต้านที่ช่วงราคา 1.4237 - 1.4257 แต่ไม่สามารถเบรกแนวต้านที่ 1.4237 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.4202 และ SL ที่ประมาณ 1.4267 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Sell/Short 2 หากสามารถเบรกแนวรับที่ช่วงราคา 1.4191 - 1.4211 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.4166 และ SL ที่ประมาณ 1.4247 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Pivot Points Apr 9, 2025 09:25AM GMT+7

Name
S3
S2
S1
Pivot Points
R1
R2
R3
Classic 1.4168 1.419 1.4202 1.4224 1.4236 1.4258 1.427
Fibonacci 1.419 1.4203 1.4211 1.4224 1.4237 1.4245 1.4258
Camarilla 1.4206 1.4209 1.4212 1.4224 1.4218 1.4221 1.4224
Woodie's 1.4164 1.4188 1.4198 1.4222 1.4232 1.4256 1.4266
DeMark's - - 1.4196 1.4221 1.423 - -

ที่มา: Investing 1Investing 2

______________________________
อัพเกรดความรู้เพิ่มเติม: คลิกที่นี่
รู้เท่าทันสถานการณ์โลกและบทวิเคราะห์เทคนิคขั้นสูง: คลิกที่นี่
Tags:

TECHNICAL ANALYSIS

ARTICLES