บทวิเคราะห์ AUD/USD วันที่ 10 เมษายน 2568

Create at 1 week ago (Apr 10, 2025 16:40)

ออสเตรเลียเผชิญแรงกดดันทางเศรษฐกิจท่ามกลางความตึงเครียดการค้าโลกที่เพิ่มขึ้น

ออสเตรเลียกำลังเผชิญกับผลกระทบจากความตึงเครียดทางการค้าระหว่างประเทศที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะสงครามการค้าที่ขับเคลื่อนโดยภาษีศุลกากรจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐอเมริกา แม้ว่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียที่มีความไวต่อความเสี่ยงจะลดลงในช่วงแรก แต่ก็ได้ฟื้นตัวขึ้นพร้อมกับตลาดหุ้นทั่วโลก อย่างไรก็ตาม ความกังวลเกี่ยวกับการชะลอตัวทางเศรษฐกิจของจีน ซึ่งเป็นพันธมิตรทางการค้ารายใหญ่ที่สุดของออสเตรเลีย ยังคงกดดันเงินดอลลาร์ออสเตรเลีย

นายกรัฐมนตรีจิม ชาลเมอร์ส ได้ยอมรับว่าแม้ออสเตรเลียสามารถจัดการกับผลกระทบทางตรงจากภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ ได้ แต่การชะลอตัวทางเศรษฐกิจทั่วโลกในวงกว้างคาดว่าจะส่งผลกระทบต่อการเติบโตและทำให้เงินเฟ้อเพิ่มขึ้นในประเทศ การประมาณการจากกระทรวงการคลังแสดงให้เห็นว่า GDP จะลดลง 0.1% และอัตราเงินเฟ้อจะเพิ่มขึ้น 0.2 เปอร์เซ็นต์ในปีนี้จากสงครามการค้า

ชาลเมอร์สได้เน้นย้ำว่า แม้ออสเตรเลียยังคงคาดหวังว่าเศรษฐกิจจะเติบโตต่อไป ธนาคารกลางออสเตรเลีย (RBA) อาจถูกกระตุ้นให้ลดอัตราดอกเบี้ย โดยตลาดคาดการณ์ว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยสูงสุดถึงสี่ครั้งในปีนี้ และอาจมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ย 50 จุดในเดือนพฤษภาคม แนวโน้มนี้เกิดจากสัญญาณความเครียดจากการที่หุ้นออสเตรเลียร่วง การเกินดุลการค้าลดลง และความเชื่อมั่นของผู้บริโภคที่อ่อนแอลงอย่างมาก

ท่ามกลางความท้าทายเหล่านี้ ออสเตรเลียได้ปฏิเสธข้อเสนอของจีนที่จะรวมตัวกันต่อต้านภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ โดยยืนยันความมุ่งมั่นในการกระจายความเสี่ยงทางการค้า รองนายกรัฐมนตรี ริชาร์ด มาร์ลส์ ได้เน้นว่า ออสเตรเลียจะให้ความสำคัญกับผลประโยชน์ของชาติ โดยการขยายความสัมพันธ์กับภูมิภาคต่างๆ เช่น สหภาพยุโรป อินเดีย และตะวันออกกลาง

ทั้งนี้ ดุลการค้าของประเทศลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 4 ปีในเดือนกุมภาพันธ์ เนื่องจากการส่งออกที่ลดลงโดยเฉพาะในสินค้าสำคัญเช่น ทองคำและถ่านหิน และการนำเข้าสินค้าอุปโภคบริโภคและสินค้าทุนที่เพิ่มขึ้น แม้ว่าจะมีการเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในการใช้จ่ายของครัวเรือน แต่ความต้องการของผู้บริโภคโดยรวมยังคงถูกจำกัดจากแรงกดดันจากค่าครองชีพ

ด้านความเชื่อมั่นในธุรกิจ ซึ่งอยู่ในระดับต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในเดือนมีนาคม คาดว่าจะอ่อนแอลงมากขึ้นเมื่อผลกระทบจากภาษีใหม่เริ่มส่งผล ขณะที่ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคลดลง 6% ในเดือนเมษายน สู่ระดับต่ำสุดในรอบ 6 เดือน โดย Westpac รายงานการลดลงถึง 10% หลังจากการประกาศนโยบายภาษี

ขณะที่ผู้กำหนดนโยบายเตรียมรับมือกับความปั่นป่วนทางเศรษฐกิจทั่วโลกครั้งต่อไป ความสนใจหันไปที่การประชุมนโยบายครั้งต่อไปของ RBA ในเดือนพฤษภาคม ซึ่งนักวิเคราะห์คาดว่าจะมีการผ่อนคลายนโยบายการเงินเพิ่มเติมเพื่อบรรเทาผลกระทบต่อเศรษฐกิจจากแรงกดดันภายนอก และรักษาอุปสงค์ภายในประเทศที่เปราะบาง

ในส่วนของดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งอ่อนค่าลงในช่วงแรก แต่ได้ฟื้นตัวขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินที่เป็นสินทรัพย์ปลอดภัย เช่น เยนญี่ปุ่นและฟรังก์สวิส หลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ประกาศพักการเก็บภาษีใหม่บางส่วนเป็นเวลา 90 วัน ท่ามกลางการยกระดับความตึงเครียดกับจีนด้วยการเพิ่มภาษีสินค้าจีนจาก 104% เป็น 125% โดยการเคลื่อนไหวดังกล่าวเกิดขึ้นในขณะที่ภาษีตอบโต้ ซึ่งสูงถึง 46% จากหลายประเทศ เช่น เวียดนาม ญี่ปุ่น และสหภาพยุโรป มีผลบังคับใช้ทั่วโลก ซึ่งทำให้เกิดความผันผวนในตลาดอย่างมากและเพิ่มความกังวลเกี่ยวกับเสถียรภาพทางเศรษฐกิจโลก ขณะที่จีนตอบโต้ด้วยภาษีศุลกากรสินค้าสหรัฐฯ สูงถึง 84% ส่งผลให้ความขัดแย้งทางการค้าทวีความรุนแรงมากขึ้น

ทั้งนี้ ประธานาธิบดีทรัมป์กล่าวว่าการพักการเก็บภาษีเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์โดยรวมเพื่อกระตุ้นการเจรจา โดยอ้างว่ามีมากกว่า 75 ประเทศที่ติดต่อมาเพื่อหารือเกี่ยวกับข้อกำหนดการค้า เลขาธิการกระทรวงการคลังสก็อตต์ เบสเซนต์ ได้ยืนยันว่า การชะลอดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของแผนเพื่อเพิ่มอำนาจต่อรอง อย่างไรก็ตาม ตลาดมองว่าเป็นการตอบสนองต่อความกลัวที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับภาวะถดถอย ความผันผวนในตลาด และวิกฤติการเงินที่อาจเกิดขึ้น นักวิเคราะห์สังเกตว่า ความเชื่อมั่นในนโยบายการค้าของสหรัฐฯ ลดลงจากการตัดสินใจที่ไม่แน่นอนของทรัมป์และมาตรการปกป้องทางการค้าที่ทวีความรุนแรงขึ้น

นอกจากนี้ ข้อความภาษีที่ขัดแย้งกันยังส่งผลให้เกิดความผันผวนในตลาดพันธบัตรของกระทรวงการคลัง โดยผลตอบแทนพันธบัตรเพิ่มสูงขึ้นท่ามกลางการเทขายหนัก นักวิเคราะห์เตือนว่าสถานการณ์นี้เริ่มมีความคล้ายคลึงกับ "การแห่หาเงินสด" ในยุค COVID-19 และยังแนะนำว่า ธนาคารกลางสหรัฐฯ อาจเข้าแทรกแซงเพื่อรักษาเสถียรภาพของตลาดพันธบัตร ขณะเดียวกัน ความกดดันด้านเงินเฟ้อของผู้บริโภคเพิ่มสูงขึ้นเมื่อค่าใช้จ่ายในการนำเข้าสินค้าเริ่มสะท้อนมายังราคา โดย CPI คาดว่าเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในเดือนมีนาคม แต่ความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อยังคงสูงขึ้นเนื่องจากการปรับเพิ่มภาษีของทรัมป์

อย่างไรก็ดี ผู้กำหนดนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ ท่ามกลางสภาพแวดล้อมที่ไม่แน่นอน ได้แสดงความกังวลในบันทึกการประชุมเดือนมีนาคมเกี่ยวกับการคุกคามทั้งสองด้านของอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้นและการเติบโตที่ชะลอตัว โดยธนาคารกลางสหรัฐฯ ยังคงระมัดระวังในการปรับลดอัตราดอกเบี้ยที่เร็วเกินไป และเน้นความจำเป็นในการมีความชัดเจนในทิศทางนโยบายของรัฐบาล หลังจากที่การประชุม FOMC ได้คงอัตราดอกเบี้ยที่ 5.25–5.50% โดยคาดว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยสองครั้งในปีนี้ พร้อมทั้งระบุถึง "การแลกเปลี่ยนที่ยากลำบาก" หากเงินเฟ้อยังคงอยู่ในขณะที่การเติบโตชะลอตัว

นอกจากนี้ ธนาคารกลางสหรัฐฯ ยังชะลอความเร็วในการลดขนาดงบดุล โดยอ้างถึงความกังวลเกี่ยวกับสภาพคล่องที่เกี่ยวข้องกับเพดานหนี้และความไม่แน่นอนในตลาดที่กว้างขึ้น แม้ว่าการหยุดชะงักในการปรับนโยบายการเงินเชิงปริมาณจะได้รับการสนับสนุนอย่างกว้างขวาง แต่ความแตกแยกภายในของธนาคารกลางสหรัฐฯ ยังชี้ให้เห็นถึงความไม่มั่นใจเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในสภาพการคลังโดยรวม

ภายใต้ความตึงเครียดทางการค้าระหว่างประเทศที่ทวีความรุนแรง โดยเฉพาะระหว่างสหรัฐฯ กับจีน ดอลลาร์ออสเตรเลีย (AUD) ยังคงมีแนวโน้มอ่อนค่า เส้นทางนโยบายการเงินที่สวนทางกัน ผนวกกับความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ยังดำรงอยู่ ส่งสัญญาณถึงแนวโน้ม AUD/USD ที่ผันผวน โดยมีความเสี่ยงด้านลบในระยะสั้นที่อาจลดลงถึงระดับ 0.58 หากปัจจัยมหภาคแย่ลงต่อเนื่อง

ข้อมูลประกอบการวิเคราะห์ทางเทคนิค (1D) CFD AUD/USD

แนวต้านสำคัญ : 0.6175, 0.6238, 0.6338

แนวรับสำคัญ : 0.5975, 0.5912, 0.5812           

1D Outlook         

วิเคราะห์ AUD/USD ที่มา: TradingView               

Buy/Long 1 หากมีการแตะแนวรับที่ช่วงราคา 0.5925 - 0.5975 แต่ไม่สามารถเบรกแนวรับที่ 0.5975 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 0.6236 และ SL ที่ประมาณ 0.5900 รือตามความเสี่ยงที่รับได้

Buy/Long 2 หากสามารถเบรกแนวต้านที่ช่วงราคา 0.6175 - 0.6225 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 0.6499 และ SL ที่ประมาณ 0.5955 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้                 

Sell/Short 1 หากมีการแตะแนวต้านที่ช่วงราคา 0.6175 - 0.6225 แต่ไม่สามารถเบรกแนวต้านที่ 0.6175 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 0.5973 และ SL ที่ประมาณ 0.6250 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Sell/Short 2 หากสามารถเบรกแนวรับที่ช่วงราคา 0.5925 - 0.5975 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 0.5710 และ SL ที่ประมาณ 0.6200 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Pivot Points Apr 10, 2025 04:21PM GMT+7

Name
S3
S2
S1
Pivot Points
R1
R2
R3
Classic 0.571 0.5812 0.5973 0.6075 0.6236 0.6338 0.6499
Fibonacci 0.5812 0.5912 0.5975 0.6075 0.6175 0.6238 0.6338
Camarilla 0.6061 0.6085 0.6109 0.6075 0.6157 0.6181 0.6205
Woodie's 0.5738 0.5826 0.6001 0.6089 0.6264 0.6352 0.6527
DeMark's - - 0.6024 0.61 0.6286 - -

ที่มา: Investing 1Investing 2

______________________________
อัพเกรดความรู้เพิ่มเติม: คลิกที่นี่
รู้เท่าทันสถานการณ์โลกและบทวิเคราะห์เทคนิคขั้นสูง: คลิกที่นี่
Tags:

TECHNICAL ANALYSIS

ARTICLES