จีนออกนโยบายตอบโต้การขึ้นภาษีศุลกากรของสหรัฐ

ค่าเงินหยวนฟื้นตัวขึ้นเล็กน้อย ซึ่งได้รับแรงหนุนจากค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่อ่อนค่าลง ในขณะที่ตลาดประเมินสงครามการค้าระหว่างจีนและสหรัฐที่ทวีความรุนแรงขึ้น โดยจริงประกาศว่าจะขึ้นภาษีสินค้าสหรัฐเป็น 84% เพื่อตอบโต้การขึ้นภาษีของสหรัฐ ในขณะที่สหรัฐได้ตัดสินใจปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนเพิ่มขึ้นเป็น 125% ส่งผลให้รัฐบาลจีนจำเป็นต้องจำกัดการส่งออกสำหรับสินค้าภายในประเทศเพื่อกดดันเศรษฐกิจของสหรัฐ ในขณะที่ธนาคารกลางจีนมีแนวโน้มที่จะทำให้ค่าเงินหยวนอ่อนค่าลงอีกเพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันของสินค้าส่งออกให้เพิ่มสูงขึ้น 

กระทรวงพาณิชย์จีนเปิดเผยเมื่อวันพฤหัสบดีว่า จีนประกาศแผนรับมืออย่างเด็ดขาดต่อภาษีนำเข้าสินค้าจีนของรัฐบาลทรัมป์ โดยมีเป้าหมายเพื่อปกป้องผลประโยชน์ของตนเอง โดยรหัสผ่านจีนได้เรียกร้องให้สหรัฐมีการเจรจาอย่างเป็นธรรมมากยิ่งขึ้น โดยจีนมีมุมมองต่อภาษีนำเข้าดังกล่าวว่าเป็นการละเมิดกฎการค้าระหว่างประเทศและกล่าวว่าเป็นการกลั่นแกล้งฝ่ายเดียว นอกจากนี้ให้เหตุผลเพิ่มเติมว่าการคืนภาษีในครั้งนี้จะไม่สามารถแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจของสหรัฐได้ แต่จะส่งผลลบลบต่อเศรษฐกิจของสหรัฐและห่วงโซ่อุปทานทั่วโลก และให้ความคิดเห็นว่าจะไม่มีผู้ชนะในสงครามการค้าอย่างแน่นอน

จีนส่งสัญญาณว่าสามารถลดต้นทุนการกู้ยืมและผ่อนปรนข้อกำหนดต่างๆ เพื่อรับมือกับผลกระทบทางเศรษฐกิจจากการปรับขึ้นภาษีของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ โดยมีการคาดการณ์ว่าอัตราส่วนเงินสำรองและอัตราดอกเบี้ยนโยบายอาจถูกปรับลงได้ทุกเมื่อ นอกจากนี้ยังขยายการขาดดุลการคลัง การออกพันธบัตรและการเพิ่มหนี้พิเศษเพื่อตอบโต้มาตรการภาษีล่าสุด หนูไปถึงการควบคุมการส่งออกแร่ธาตุหายากเพื่อกดดันเศรษฐกิจของสหรัฐ

จีนได้เปิดตัวพันธบัตรรัฐบาลสีเขียวเป็นครั้งแรก โดยตั้งเป้าระดมทุนได้สูงถึง 6,000 ล้านหยวน พันธบัตรดังกล่าวมีอายุครบกำหนด 3 ปีและ 5 ปี โดยมีอัตราผลตอบแทน 2.3% และ 2.35% ตามลำดับ และอาจมีการกำหนดราคาในเร็วๆ นี้ โดยพันธบัตรดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงความพยายามของจีนที่จะเสริมสร้างความสัมพันธ์ทางการเงินกับสหราชอาณาจักร นอกจากนี้ยังสอดคล้องกับกลยุทธ์ของจีนในการเสนอขายพันธบัตรในต่างประเทศ เพื่อจับมือเป็นพันธมิตรกับหลายประเทศเช่นซาอุดีอาระเบียและฝรั่งเศส

อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลจีนอายุ 10 ปีร่วงลงสู่ระดับ 1.63% ซึ่งถือเป็นระดับต่ำสุดในรอบเกือบ 2 เดือน เนื่องจากนักลงทุนเข้าซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยท่ามกลางความตึงเครียดด้านการค้าที่ทวีความรุนแรงขึ้นและความคาดหวังที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับการผ่อนคลายนโยบายต่างๆ รวมไปถึงมาตรการภาษีของสหรัฐที่ปรับเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้สินค้ากว่า 54% ที่ส่งออกไปยังสหรัฐหยุดชะงัก ในขณะที่จีนตัดสินใจจัดเก็บภาษีนำเข้าสินค้าของสหรัฐด้วยเช่นกัน การดำเนินการดังกล่าวยิ่งทำให้ตลาดกังวลเกี่ยวกับผลกระทบทางเศรษฐกิจมากขึ้น และกระตุ้นให้คาดหวังว่าจีนจะออกมาตรการการกระตุ้นเศรษฐกิจมากยิ่งขึ้นและเพิ่มการขาดดุลเพื่อส่งเสริมการเติบโตทางเศรษฐกิจภายในประเทศ