เศรษฐกิจออสเตรเลียยังคงเผชิญกับแรงกดดันด้านภาษีศุลกากรของสหรัฐ

ค่าเงินดอลลาร์ออสเตรเลียแข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐได้ยกเว้นภาษีนำเข้าสินค้าเทคโนโลยีจากมาตรการภาษีฉบับใหม่ ส่งผลให้นักลงทุนทั่วโลกเกิดความกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงต่อระบบเศรษฐกิจของสหรัฐมากขึ้น โดยมาตรการดังกล่าวมีผลกับสินค้าที่ผลิตในจีนเป็นจำนวนใหญ่ เช่น สมาร์ทโฟน, คอมพิวเตอร์ และเซมิคอนดักเตอร์ อย่างไรก็ตาม กระทรวงพาณิชย์ของจีนกล่าวว่าการยกเว้นดังกล่าวเป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น โดจินเรียกร้องให้สหรัฐยกเลิกการจัดเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจีนที่ 145% อย่างสมบูรณ์ ในขณะที่จีนยังคงเป็นพันธมิตรทางการค้ารายใหญ่ที่สุดของออสเตรเลียและเป็นผู้ซื้อรายใหญ่ของสินค้าโภคภัณฑ์ ทำให้ดอลลาร์ออสเตรเลียยังคงมีความผันผวนต่อการเจรจาด้านภาษีระหว่างสหรัฐและจีนเป็นพิเศษ 

จิม ชาลเมอร์ส รัฐมนตรีกระทรวงการคลังออสเตรเลีย กล่าวเมื่อนี้ว่า ออสเตรเลียสามารถรับมือกับผลกระทบโดยตรงจากภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ได้ แต่เศรษฐกิจของประเทศยังคงได้รับผลกระทบจากการเติบโตทางเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว โดยมีการคาดการณ์ว่า GDP จะลดลง 0.1% ในปี 2025 และอัตราเงินเฟ้อจะเพิ่มขึ้นอีก 0.2% ซึ่งปัจจุบันอยู่ที่ 2.4% แม้ว่าออสเตรเลียจะสามารถรับมือกับผลกระทบได้ แต่ความกังวลเรื่องการชะลอตัวอย่างมีนัยสำคัญที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในเศรษฐกิจของทั้งสหรัฐฯ และจีน ซึ่งเป็นคู่ค้าสำคัญ ยังคงมีอยู่ เนื่องจากสงครามการค้าที่เกิดจากการขึ้นภาษีนำเข้าครั้งใหญ่ของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ซึ่งการหยุดชะงักของการค้าทั่วโลกเหล่านี้จะส่งผลกระทบต่ออัตราเงินเฟ้อและโมเมนตัมทางเศรษฐกิจภายในประเทศอย่างแน่นอน

ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคของออสเตรเลียลดลง 6.0% เมื่อเทียบเป็นรายเดือน สู่ระดับต่ำสุดในรอบ 6 เดือนที่ 90.1 ในเดือนเมษายน โดยสถานะทางการเงินของภาคครัวเรือนเมื่อเทียบเป็นรายปีลดลงกว่า 8.5% ในขณะที่การคาดการณ์ในอีก 12 เดือนข้างหน้าจะลดลงอีก 6.2% ซึ่งสะท้อนถึงมุมมองของผู้บริโภคต่อภาวะเศรษฐกิจภายในประเทศที่ยังคงอยู่ในเชิงลบอยู่ ในขณะที่คาดการณ์อัตราการว่างงานจะเพิ่มขึ้น 5.1% แมทธิว ฮัสซัน หัวหน้า Australian Macro-Forecasting ให้ความคิดเห็นว่าการขึ้นอัตราภาษีนำเข้าสินค้าของสหรัฐจะส่งผลให้ความเชื่อมั่นลดลงอย่างมีนัยสำคัญในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า

ออสเตรเลียมีการเกินดุลการค้าลดลงเหลือ 2.97 พันล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย จาก 5.16 พันล้านดอลลาร์ออสเตรเลียในเดือนก่อนหน้า เนื่องจากการส่งออกลดลงในขณะที่การนำเข้าเพิ่มขึ้น โดยมีการนำเข้าสินค้าเพิ่มขึ้นกว่า 1.6% สู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ที่ 39,340 ล้านออสเตรเลีย เนื่องจากการซื้อสินค้าอุปโภคบริโภคเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่การนำเข้าอาหารและเครื่องดื่มเพิ่มขึ้น 0.8% นอกจากนี้การนำเข้าสินค้าทุนและสินค้าขั้นกลางเพื่อนำมาใช้เป็นวัตถุดิบในการผลิตเพิ่มขึ้นกว่า 31% แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการขยายตัวของการผลิตภายในประเทศได้เป็นอย่างดี 

ด้านการส่งออกพบว่าลดลง 3.6% จากเดือนก่อนหน้าสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 4 เดือนที่ 42.31 พันล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย เนื่องจากการส่งออกทองคำลดลงอย่างรวดเร็วที่ 21.4% สู่ระดับ 4,210 ล้านออสเตรเลีย นอกจากนี้ การส่งออกสินค้าแร่โลหะอื่นๆลดลงกว่า 2.9% อย่างไรก็ตาม การส่งออกเครื่องจักรเพิ่มขึ้น 4.6% ในขณะที่การส่งออกธัญพืชและเครื่องปรุงต่างๆเพิ่มขึ้นกว่า 2.7% โดยการส่งออกส่วนใหญ่ยังคงส่งออกไปยังจีน ซึ่งเป็นคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของออสเตรเลีย รองลงมาคือญี่ปุ่นและอินเดีย

ข้อมูลประกอบการวิเคราะห์ทางเทคนิค (5H)

แนวต้านสำคัญ: 1.5876, 1.5905, 1.5959

แนวรับสำคัญ: 1.5792, 1.5739, 1.5709

ที่มา: Investing.com

Buy/Long 1: หากมีการแตะแนวรับที่ช่วงราคา 1.5739 - 1.5792 แต่ไม่สามารถเบรกแนวรับที่ 1.5792 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.5905 และ SL ที่ประมาณ 1.5709 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

จุดกลับตัว 14 เมษายน 2568 21:59 น. GMT+7