บทวิเคราะห์ USD/JPY วันที่ 16 เมษายน 2568

Create at 2 days ago (Apr 16, 2025 10:10)

เงินเฟ้อญี่ปุ่นเร่งตัว BOJ ยังระมัดระวังท่ามกลางความไม่แน่นอนทั่วโลก

แนวโน้มเงินเฟ้อในญี่ปุ่นเริ่มปรับตัวสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยครัวเรือนส่วนใหญ่คาดว่าราคาในประเทศจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่องทั้งในช่วง 1 ปี และ 5 ปีข้างหน้า ความเชื่อมั่นนี้ได้รับแรงหนุนจากการปรับขึ้นค่าจ้างล่าสุด และแนวโน้มที่ภาคเอกชนเริ่มปรับราคาสินค้าสูงขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับมุมมองของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ที่เชื่อว่าเศรษฐกิจกำลังเคลื่อนไปสู่ภาวะเงินเฟ้อในระดับที่ยั่งยืนเกินเป้าหมาย 2% อย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ เงินเฟ้อในระดับผู้บริโภคยังคงอยู่ในระดับสูงเกินกว่าเป้าหมายของ BOJ ซึ่งได้รับแรงผลักดันจากราคาสินค้าอุปโภคบริโภคเช่น อาหาร เชื้อเพลิง และราคาสินค้าขายส่งที่เพิ่มขึ้น ตัวชี้วัดเงินเฟ้อพื้นฐานบ่งชี้ถึงแรงกดดันด้านราคาที่คงอยู่ต่อเนื่อง แม้จะเป็นเหตุผลสนับสนุนให้ดำเนินนโยบายการเงินแบบเข้มงวดมากขึ้น แต่ในทางกลับกัน ก็ส่งผลกระทบต่อภาระค่าใช้จ่ายของครัวเรือนอย่างชัดเจน ส่งผลให้พฤติกรรมผู้บริโภคเริ่มเปลี่ยนไป โดยหันไปใช้จ่ายเฉพาะสินค้าที่จำเป็น และลดการใช้จ่ายเพื่อความบันเทิงและการบริโภคฟุ่มเฟือย ซึ่งกระทบต่อความเชื่อมั่นในภาคผู้บริโภคและภาคบริการ

แม้แรงกดดันด้านเงินเฟ้อภายในประเทศจะชัดเจน แต่คาดว่า BOJ จะยังคงชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติมในการประชุมนโยบายวันที่ 30 เมษายน–1 พฤษภาคม เนื่องจากความไม่แน่นอนของสถานการณ์เศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนที่เริ่มทวีความรุนแรงขึ้น รวมถึงความเสี่ยงของภาวะเศรษฐกิจถดถอย ผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น นายคาซึโอะ อุเอดะ ยืนยันจุดยืนของ BOJ ว่าจะดำเนินการขึ้นดอกเบี้ยอย่างระมัดระวังและอิงกับข้อมูลเศรษฐกิจเป็นหลัก โดยเฉพาะหากนโยบายการค้าของสหรัฐฯ เริ่มส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจญี่ปุ่นอย่างมีนัยสำคัญ

แรงกระแทกจากภายนอกเหล่านี้ได้เริ่มส่งผลกระทบต่อภาคอุตสาหกรรมที่พึ่งพาการส่งออกของญี่ปุ่น เช่น อุตสาหกรรมยานยนต์และเครื่องจักร ซึ่งต้องเผชิญกับความไม่แน่นอนที่เพิ่มสูงขึ้น แม้แนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ยแบบค่อยเป็นค่อยไปจะยังคงอยู่เนื่องจากแรงกดดันเงินเฟ้อยังคงแข็งแกร่ง แต่ BOJ กำลังเผชิญกับภาวะที่ต้องชั่งน้ำหนักระหว่างแรงกดดันภายในประเทศ กับความเสี่ยงจากความปั่นป่วนทางการค้าและตลาดการเงินในระดับโลก

ด้านข้อมูลล่าสุด เช่น ยอดคำสั่งซื้อเครื่องจักรในประเทศและเงินเฟ้อพื้นฐาน บ่งชี้ถึงการลงทุนด้านทุนที่ยังคงดำเนินอยู่และแรงกดดันด้านต้นทุนที่ไม่ลดลง อย่างไรก็ตาม จำนวนกิจการที่ล้มละลาย โดยเฉพาะในกลุ่มธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมที่เพิ่มสูงขึ้น รวมถึงการที่ Citi ปรับลดคาดการณ์การเติบโตของ GDP ญี่ปุ่นในปี 2025 และ 2026 สะท้อนถึงความเปราะบางทางเศรษฐกิจที่เริ่มมากขึ้น ส่งผลให้ Citi คาดว่า BOJ จะยังไม่ปรับขึ้นดอกเบี้ยเพิ่มเติมจนถึงเดือนมีนาคม 2026

นอกจากนี้ จากแรงกดดันเรื่องภาษีศุลกากรที่เพิ่มขึ้น เจ้าหน้าที่ญี่ปุ่นจึงเร่งเดินหน้าทางการทูตอย่างจริงจัง โดยรัฐมนตรีเศรษฐกิจ นายเรียวเซ อาคาซาวะ เตรียมเจรจากับเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ เพื่อขอให้ยกเลิกมาตรการภาษีโดยสมบูรณ์ เนื่องจากส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อการส่งออกหลักของญี่ปุ่น โดยเฉพาะรถยนต์ ซึ่งเป็นสินค้าหลักในการส่งออกไปยังตลาดสหรัฐฯ อันเป็นตลาดส่งออกที่ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น ซึ่งการหยุดชะงักที่ยืดเยื้ออาจฉุดรั้งการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจหลังโควิดอย่างรุนแรง

อย่างไรก็ดี แม้เจ้าหน้าที่ BOJ จะลดความกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงต่อเสถียรภาพทางการเงินในภาพรวม แต่ก็ยอมรับว่านโยบายการค้าของประธานาธิบดีทรัมป์ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว กำลังทำให้การกำหนดเวลาสำหรับการปรับนโยบายการเงินกลับสู่ภาวะปกติยุ่งยากขึ้น ภายใต้ภาวะเงินเยนที่แข็งค่าและความไม่แน่นอนระดับโลกที่ทวีความรุนแรงขึ้น ผู้กำหนดนโยบายของญี่ปุ่นจึงพยายามดำเนินนโยบายอย่างระมัดระวัง โดยมีเป้าหมายที่จะยุติมาตรการผ่อนคลายทางการเงินพิเศษ โดยไม่ทำลายการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ

ในขณะเดียวกัน ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ เริ่มทรงตัวในวันพุธ หลังจากอ่อนค่าต่อเนื่องมาหลายสัปดาห์ เนื่องจากนักลงทุนรอดูพัฒนาการของการเจรจาการค้าสหรัฐฯ ขณะที่ตลาดพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ซึ่งก่อนหน้านี้ถูกเทขายอย่างรุนแรง เริ่มฟื้นตัวขึ้น ส่งสัญญาณถึงความสัมพันธ์ระหว่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรและค่าเงินดอลลาร์ที่อาจกลับมาฟื้นตัวอีกครั้ง

ด้านข้อมูลเศรษฐกิจล่าสุดระบุว่า ราคานำเข้าสหรัฐฯ ลดลงอย่างไม่คาดคิด 0.1% ในเดือนมีนาคม ซึ่งเป็นการลดลงครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนกันยายน โดยมีสาเหตุหลักจากราคาพลังงานที่ลดลง ส่งผลให้อัตราการเติบโตของราคานำเข้ารายปีชะลอลงเหลือ 0.9% และสนับสนุนแนวโน้มเกี่ยวกับเงินเฟ้อพื้นฐาน ซึ่งเป็นตัวชี้วัดเงินเฟ้อที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ใช้ติดตาม ที่อาจเพิ่มขึ้นเพียง 0.1% ในเดือนมีนาคม และส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อรายปีลดลงจาก 2.8% เหลือ 2.6%

อย่างไรก็ดี แม้อัตราเงินเฟ้อในปัจจุบันของสหรัฐฯ ดูเหมือนจะอยู่ในระดับต่ำ แต่นักเศรษฐศาสตร์ยังคงกังวลเกี่ยวกับผลกระทบในระยะยาวจากนโยบายภาษีของประธานาธิบดีทรัมป์ รวมถึงแนวทาง “อเมริกาต้องมาก่อน” ซึ่งมาตรการเหล่านี้ถูกมองว่าอาจเป็นตัวกระตุ้นภาวะ stagflation หรือการที่เศรษฐกิจเผชิญทั้งเงินเฟ้อสูงและการเติบโตต่ำในเวลาเดียวกัน โดยความกังวลนี้สะท้อนให้เห็นในรายงานการประชุมของ Fed เมื่อเดือนมีนาคม รวมถึงแบบสำรวจของธนาคารกลางนิวยอร์กที่แสดงให้เห็นถึงการลดลงอย่างมากของความเชื่อมั่นทางธุรกิจ และการหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทาน ขณะที่ความไม่แน่นอนและต้นทุนที่เพิ่มขึ้นยังคงเป็นแรงผลักดันต่อเงินเฟ้อในกลุ่มสินค้าพื้นฐาน และทำให้การตัดสินใจด้านนโยบายการเงินในอนาคตซับซ้อนยิ่งขึ้น

ด้วยเหตุนี้ คู่สกุล USD/JPY จึงมีแนวโน้มเผชิญแรงกดดันด้านขาขึ้นในระดับปานกลางในระยะสั้น โดยได้รับแรงหนุนจากทิศทางนโยบายการเงินที่แตกต่างกันระหว่างธนาคารกลางสหรัฐฯ และธนาคารกลางญี่ปุ่น แม้แนวโน้มเงินเฟ้อของสหรัฐฯ จะเริ่มอ่อนตัวลงเล็กน้อย แต่ความกังวลในระยะยาวเกี่ยวกับความตึงเครียดทางการค้าและความเสี่ยงของภาวะเงินเฟ้อสูงควบคู่เศรษฐกิจซบเซา ยังคงหนุนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรและช่วยพยุงค่าเงินดอลลาร์ ขณะเดียวกัน จุดยืนผ่อนคลายทางการเงินของญี่ปุ่น ประกอบกับกระแสเงินทุนไหลออกอย่างต่อเนื่องและช่องว่างอัตราดอกเบี้ยที่กว้างขึ้น อาจผลักดันให้ USD/JPY ขยับขึ้นแตะระดับ 144–145 ได้ในช่วงสัปดาห์ข้างหน้า

ข้อมูลประกอบการวิเคราะห์ทางเทคนิค (1HCFD USD/JPY

แนวต้านสำคัญ : 142.95, 143.01, 143.12

แนวรับสำคัญ : 142.73, 142.67, 142.56                 

1H Outlook    

วิเคราะห์ USD/JPY ที่มา: TradingView                                              

Buy/Long 1 หากมีการแตะแนวรับที่ช่วงราคา 142.53 – 142.73 แต่ไม่สามารถเบรกแนวรับที่ 142.73 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 142.97 และ SL ที่ประมาณ 142.43 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Buy/Long 2 หากสามารถเบรกแนวต้านที่ช่วงราคา 142.95 – 143.15 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 143.34 และ SL ที่ประมาณ 142.53 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้                 

Sell/Short 1 หากมีการแตะแนวต้านที่ช่วงราคา 142.95 – 143.15 แต่ไม่สามารถเบรกแนวต้านที่ 142.95 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 142.69 และ SL ที่ประมาณ 143.25 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Sell/Short 2 หากสามารถเบรกแนวรับที่ช่วงราคา 142.53 – 142.73 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 142.41 และ SL ที่ประมาณ 143.05 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Pivot Points Apr 16, 2025 09:48AM GMT+7

Name
S3
S2
S1
Pivot Points
R1
R2
R3
Classic 142.41 142.56 142.69 142.84 142.97 143.12 143.25
Fibonacci 142.56 142.67 142.73 142.84 142.95 143.01 143.12
Camarilla 142.73 142.76 142.78 142.84 142.84 142.86 142.89
Woodie's 142.39 142.55 142.67 142.83 142.95 143.11 143.23
DeMark's - - 142.62 142.81 142.9 - -

ที่มา: Investing 1Investing 2

______________________________
อัพเกรดความรู้เพิ่มเติม: คลิกที่นี่
รู้เท่าทันสถานการณ์โลกและบทวิเคราะห์เทคนิคขั้นสูง: คลิกที่นี่
Tags:

TECHNICAL ANALYSIS

ARTICLES