เงินเฟ้อญี่ปุ่นเร่งตัว BOJ ยังระมัดระวังท่ามกลางความไม่แน่นอนทั่วโลก
แนวโน้มเงินเฟ้อในญี่ปุ่นเริ่มปรับตัวสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยครัวเรือนส่วนใหญ่คาดว่าราคาในประเทศจะเพิ่มขึ้นต่อเนื่องทั้งในช่วง 1 ปี และ 5 ปีข้างหน้า ความเชื่อมั่นนี้ได้รับแรงหนุนจากการปรับขึ้นค่าจ้างล่าสุด และแนวโน้มที่ภาคเอกชนเริ่มปรับราคาสินค้าสูงขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับมุมมองของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ที่เชื่อว่าเศรษฐกิจกำลังเคลื่อนไปสู่ภาวะเงินเฟ้อในระดับที่ยั่งยืนเกินเป้าหมาย 2% อย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ เงินเฟ้อในระดับผู้บริโภคยังคงอยู่ในระดับสูงเกินกว่าเป้าหมายของ BOJ ซึ่งได้รับแรงผลักดันจากราคาสินค้าอุปโภคบริโภคเช่น อาหาร เชื้อเพลิง และราคาสินค้าขายส่งที่เพิ่มขึ้น ตัวชี้วัดเงินเฟ้อพื้นฐานบ่งชี้ถึงแรงกดดันด้านราคาที่คงอยู่ต่อเนื่อง แม้จะเป็นเหตุผลสนับสนุนให้ดำเนินนโยบายการเงินแบบเข้มงวดมากขึ้น แต่ในทางกลับกัน ก็ส่งผลกระทบต่อภาระค่าใช้จ่ายของครัวเรือนอย่างชัดเจน ส่งผลให้พฤติกรรมผู้บริโภคเริ่มเปลี่ยนไป โดยหันไปใช้จ่ายเฉพาะสินค้าที่จำเป็น และลดการใช้จ่ายเพื่อความบันเทิงและการบริโภคฟุ่มเฟือย ซึ่งกระทบต่อความเชื่อมั่นในภาคผู้บริโภคและภาคบริการ
แม้แรงกดดันด้านเงินเฟ้อภายในประเทศจะชัดเจน แต่คาดว่า BOJ จะยังคงชะลอการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพิ่มเติมในการประชุมนโยบายวันที่ 30 เมษายน–1 พฤษภาคม เนื่องจากความไม่แน่นอนของสถานการณ์เศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนที่เริ่มทวีความรุนแรงขึ้น รวมถึงความเสี่ยงของภาวะเศรษฐกิจถดถอย ผู้ว่าการธนาคารกลางญี่ปุ่น นายคาซึโอะ อุเอดะ ยืนยันจุดยืนของ BOJ ว่าจะดำเนินการขึ้นดอกเบี้ยอย่างระมัดระวังและอิงกับข้อมูลเศรษฐกิจเป็นหลัก โดยเฉพาะหากนโยบายการค้าของสหรัฐฯ เริ่มส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจญี่ปุ่นอย่างมีนัยสำคัญ
แรงกระแทกจากภายนอกเหล่านี้ได้เริ่มส่งผลกระทบต่อภาคอุตสาหกรรมที่พึ่งพาการส่งออกของญี่ปุ่น เช่น อุตสาหกรรมยานยนต์และเครื่องจักร ซึ่งต้องเผชิญกับความไม่แน่นอนที่เพิ่มสูงขึ้น แม้แนวโน้มการขึ้นดอกเบี้ยแบบค่อยเป็นค่อยไปจะยังคงอยู่เนื่องจากแรงกดดันเงินเฟ้อยังคงแข็งแกร่ง แต่ BOJ กำลังเผชิญกับภาวะที่ต้องชั่งน้ำหนักระหว่างแรงกดดันภายในประเทศ กับความเสี่ยงจากความปั่นป่วนทางการค้าและตลาดการเงินในระดับโลก
ด้านข้อมูลล่าสุด เช่น ยอดคำสั่งซื้อเครื่องจักรในประเทศและเงินเฟ้อพื้นฐาน บ่งชี้ถึงการลงทุนด้านทุนที่ยังคงดำเนินอยู่และแรงกดดันด้านต้นทุนที่ไม่ลดลง อย่างไรก็ตาม จำนวนกิจการที่ล้มละลาย โดยเฉพาะในกลุ่มธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมที่เพิ่มสูงขึ้น รวมถึงการที่ Citi ปรับลดคาดการณ์การเติบโตของ GDP ญี่ปุ่นในปี 2025 และ 2026 สะท้อนถึงความเปราะบางทางเศรษฐกิจที่เริ่มมากขึ้น ส่งผลให้ Citi คาดว่า BOJ จะยังไม่ปรับขึ้นดอกเบี้ยเพิ่มเติมจนถึงเดือนมีนาคม 2026
นอกจากนี้ จากแรงกดดันเรื่องภาษีศุลกากรที่เพิ่มขึ้น เจ้าหน้าที่ญี่ปุ่นจึงเร่งเดินหน้าทางการทูตอย่างจริงจัง โดยรัฐมนตรีเศรษฐกิจ นายเรียวเซ อาคาซาวะ เตรียมเจรจากับเจ้าหน้าที่สหรัฐฯ เพื่อขอให้ยกเลิกมาตรการภาษีโดยสมบูรณ์ เนื่องจากส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อการส่งออกหลักของญี่ปุ่น โดยเฉพาะรถยนต์ ซึ่งเป็นสินค้าหลักในการส่งออกไปยังตลาดสหรัฐฯ อันเป็นตลาดส่งออกที่ใหญ่ที่สุดของญี่ปุ่น ซึ่งการหยุดชะงักที่ยืดเยื้ออาจฉุดรั้งการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจหลังโควิดอย่างรุนแรง
อย่างไรก็ดี แม้เจ้าหน้าที่ BOJ จะลดความกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงต่อเสถียรภาพทางการเงินในภาพรวม แต่ก็ยอมรับว่านโยบายการค้าของประธานาธิบดีทรัมป์ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว กำลังทำให้การกำหนดเวลาสำหรับการปรับนโยบายการเงินกลับสู่ภาวะปกติยุ่งยากขึ้น ภายใต้ภาวะเงินเยนที่แข็งค่าและความไม่แน่นอนระดับโลกที่ทวีความรุนแรงขึ้น ผู้กำหนดนโยบายของญี่ปุ่นจึงพยายามดำเนินนโยบายอย่างระมัดระวัง โดยมีเป้าหมายที่จะยุติมาตรการผ่อนคลายทางการเงินพิเศษ โดยไม่ทำลายการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ
ในขณะเดียวกัน ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ เริ่มทรงตัวในวันพุธ หลังจากอ่อนค่าต่อเนื่องมาหลายสัปดาห์ เนื่องจากนักลงทุนรอดูพัฒนาการของการเจรจาการค้าสหรัฐฯ ขณะที่ตลาดพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ซึ่งก่อนหน้านี้ถูกเทขายอย่างรุนแรง เริ่มฟื้นตัวขึ้น ส่งสัญญาณถึงความสัมพันธ์ระหว่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตรและค่าเงินดอลลาร์ที่อาจกลับมาฟื้นตัวอีกครั้ง
ด้านข้อมูลเศรษฐกิจล่าสุดระบุว่า ราคานำเข้าสหรัฐฯ ลดลงอย่างไม่คาดคิด 0.1% ในเดือนมีนาคม ซึ่งเป็นการลดลงครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนกันยายน โดยมีสาเหตุหลักจากราคาพลังงานที่ลดลง ส่งผลให้อัตราการเติบโตของราคานำเข้ารายปีชะลอลงเหลือ 0.9% และสนับสนุนแนวโน้มเกี่ยวกับเงินเฟ้อพื้นฐาน ซึ่งเป็นตัวชี้วัดเงินเฟ้อที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ใช้ติดตาม ที่อาจเพิ่มขึ้นเพียง 0.1% ในเดือนมีนาคม และส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อรายปีลดลงจาก 2.8% เหลือ 2.6%
อย่างไรก็ดี แม้อัตราเงินเฟ้อในปัจจุบันของสหรัฐฯ ดูเหมือนจะอยู่ในระดับต่ำ แต่นักเศรษฐศาสตร์ยังคงกังวลเกี่ยวกับผลกระทบในระยะยาวจากนโยบายภาษีของประธานาธิบดีทรัมป์ รวมถึงแนวทาง “อเมริกาต้องมาก่อน” ซึ่งมาตรการเหล่านี้ถูกมองว่าอาจเป็นตัวกระตุ้นภาวะ stagflation หรือการที่เศรษฐกิจเผชิญทั้งเงินเฟ้อสูงและการเติบโตต่ำในเวลาเดียวกัน โดยความกังวลนี้สะท้อนให้เห็นในรายงานการประชุมของ Fed เมื่อเดือนมีนาคม รวมถึงแบบสำรวจของธนาคารกลางนิวยอร์กที่แสดงให้เห็นถึงการลดลงอย่างมากของความเชื่อมั่นทางธุรกิจ และการหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทาน ขณะที่ความไม่แน่นอนและต้นทุนที่เพิ่มขึ้นยังคงเป็นแรงผลักดันต่อเงินเฟ้อในกลุ่มสินค้าพื้นฐาน และทำให้การตัดสินใจด้านนโยบายการเงินในอนาคตซับซ้อนยิ่งขึ้น
ด้วยเหตุนี้ คู่สกุล USD/JPY จึงมีแนวโน้มเผชิญแรงกดดันด้านขาขึ้นในระดับปานกลางในระยะสั้น โดยได้รับแรงหนุนจากทิศทางนโยบายการเงินที่แตกต่างกันระหว่างธนาคารกลางสหรัฐฯ และธนาคารกลางญี่ปุ่น แม้แนวโน้มเงินเฟ้อของสหรัฐฯ จะเริ่มอ่อนตัวลงเล็กน้อย แต่ความกังวลในระยะยาวเกี่ยวกับความตึงเครียดทางการค้าและความเสี่ยงของภาวะเงินเฟ้อสูงควบคู่เศรษฐกิจซบเซา ยังคงหนุนอัตราผลตอบแทนพันธบัตรและช่วยพยุงค่าเงินดอลลาร์ ขณะเดียวกัน จุดยืนผ่อนคลายทางการเงินของญี่ปุ่น ประกอบกับกระแสเงินทุนไหลออกอย่างต่อเนื่องและช่องว่างอัตราดอกเบี้ยที่กว้างขึ้น อาจผลักดันให้ USD/JPY ขยับขึ้นแตะระดับ 144–145 ได้ในช่วงสัปดาห์ข้างหน้า
ข้อมูลประกอบการวิเคราะห์ทางเทคนิค (1H) CFD USD/JPY
แนวต้านสำคัญ : 142.95, 143.01, 143.12
แนวรับสำคัญ : 142.73, 142.67, 142.56
1H Outlook
ที่มา: TradingView
Buy/Long 1 หากมีการแตะแนวรับที่ช่วงราคา 142.53 – 142.73 แต่ไม่สามารถเบรกแนวรับที่ 142.73 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 142.97 และ SL ที่ประมาณ 142.43 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Buy/Long 2 หากสามารถเบรกแนวต้านที่ช่วงราคา 142.95 – 143.15 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 143.34 และ SL ที่ประมาณ 142.53 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Sell/Short 1 หากมีการแตะแนวต้านที่ช่วงราคา 142.95 – 143.15 แต่ไม่สามารถเบรกแนวต้านที่ 142.95 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 142.69 และ SL ที่ประมาณ 143.25 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Sell/Short 2 หากสามารถเบรกแนวรับที่ช่วงราคา 142.53 – 142.73 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 142.41 และ SL ที่ประมาณ 143.05 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้
Pivot Points Apr 16, 2025 09:48AM GMT+7
Name
|
S3
|
S2
|
S1
|
Pivot Points
|
R1
|
R2
|
R3
|
---|---|---|---|---|---|---|---|
Classic | 142.41 | 142.56 | 142.69 | 142.84 | 142.97 | 143.12 | 143.25 |
Fibonacci | 142.56 | 142.67 | 142.73 | 142.84 | 142.95 | 143.01 | 143.12 |
Camarilla | 142.73 | 142.76 | 142.78 | 142.84 | 142.84 | 142.86 | 142.89 |
Woodie's | 142.39 | 142.55 | 142.67 | 142.83 | 142.95 | 143.11 | 143.23 |
DeMark's | - | - | 142.62 | 142.81 | 142.9 | - | - |
ที่มา: Investing 1, Investing 2
อัพเกรดความรู้เพิ่มเติม: คลิ