ตลาดถั่วเหลืองผันผวน ท่ามกลางศึกการค้าสหรัฐ-จีน ดันบทบาทบราซิล

ตลาดถั่วเหลืองทั่วโลกยังคงเคลื่อนไหวหลากหลาย ขณะที่สหรัฐฯ เดินหน้าปลูกถั่วเหลืองฤดูกาลใหม่อย่างค่อยเป็นค่อยไป ส่วนบราซิลใกล้สิ้นสุดฤดูเก็บเกี่ยว และอาร์เจนตินายังเดินหน้าเก็บเกี่ยวต่อเนื่อง แม้การเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับคู่ค้าหลักยังไม่มีความคืบหน้าอย่างเป็นทางการ แต่ยังคงมีการเจรจาเบื้องหลังอย่างต่อเนื่อง โดยจีนยังคงเป็นฝ่ายที่ไม่แสดงท่าทีชัดเจน นักลงทุนจับตารายงานสำคัญที่จะเผยแพร่ในเร็ว ๆ นี้ ได้แก่ รายงานอุปสงค์-อุปทานของ USDA ในวันที่ 12 พฤษภาคม และรายงานแนวโน้มของ CONAB บราซิลในวันที่ 15 พฤษภาคม ท่ามกลางราคากากถั่วเหลืองที่ปรับลดลง และราคาน้ำมันถั่วเหลืองที่ปรับขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงของสเปรดผลิตภัณฑ์ โดย USDA คาดว่า ผลผลิตน้ำมันปาล์มของอินโดนีเซียในปี 2025/26 จะเพิ่มขึ้น 3% สู่ระดับ 47 ล้านตัน อันเนื่องมาจากสภาพอากาศที่เอื้ออำนวยและการขยายตัวของความต้องการในวงกว้าง

ในสหรัฐฯ การใช้ถั่วเหลืองในปี 2024/25 คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจากปริมาณนำเข้าและการโม่ที่สูงขึ้น แม้สต็อกปลายงวดจะถูกปรับลดลง 5 ล้านบุชเชล เหลือ 375 ล้านบุชเชล ท่ามกลางการส่งออกน้ำมันถั่วเหลืองที่เพิ่มขึ้นตามคำสั่งซื้อ ขณะที่การใช้เพื่อผลิตไบโอดีเซลยังต่ำในช่วงต้นฤดูกาล แต่คาดว่าจะเร่งตัวขึ้นจากการบังคับใช้ภาษีน้ำมันชีวภาพใหม่ โดยราคาถั่วเหลืองเฉลี่ยในสหรัฐฯ ยังคงอยู่ที่ $9.95 ต่อบุชเชล ขณะที่ราคากากถั่วเหลืองปรับลดลง และราคาน้ำมันถั่วเหลืองเพิ่มขึ้นเล็กน้อย

ในระดับโลก สต็อกเริ่มต้นของถั่วเหลืองถูกปรับเพิ่มขึ้น ส่วนใหญ่จากบราซิล แม้ว่าผลผลิตรวมในปี 2024/25 จะลดลงเล็กน้อยจากผลผลิตที่ต่ำในโบลิเวีย ซึ่งถูกชดเชยบางส่วนจากประเทศอื่น ขณะที่ความต้องการโม่ถั่วเหลืองและกากถั่วทั่วโลกเพิ่มขึ้น จากปริมาณอุปทานที่เพียงพอและต้นทุนที่ลดลง แม้การผลิตน้ำมันพืชโดยรวมจะลดลงจากผลผลิตปาล์มที่อ่อนแอในอินโดนีเซีย มาเลเซีย และไทย ท่ามกลางการส่งออกถั่วเหลืองทั่วโลกที่เพิ่มขึ้นเล็กน้อย และสต็อกปลายงวดถูกปรับเพิ่มขึ้นเป็น 122.5 ล้านตัน

ขณะเดียวกัน บราซิลและจีนกำลังจัดการเจรจาระดับสูงที่กรุงบราซิเลียเพื่อขยายความร่วมมือด้านการเกษตร โดยเน้นที่ถั่วเหลืองและเนื้อวัว ในช่วงที่จีนต้องการหาทางเลือกทดแทนการนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ จากความตึงเครียดทางการค้าที่ทวีความรุนแรง โดยการเจรจาครอบคลุมการสนับสนุนแผนความมั่นคงทางอาหาร 10 ปีของจีน การเพิ่มบทบาทของบราซิลในฐานะผู้ส่งออกเมล็ดธัญพืชแบบแปรรูป และการถ่ายทอดเทคโนโลยี ขณะที่เจ้าหน้าที่บราซิลต้องการเสริมภาพลักษณ์ของประเทศในฐานะผู้จัดหาสินค้าที่มั่นคงในระยะยาว พร้อมทั้งชี้โอกาสการลงทุนของจีนในโครงสร้างพื้นฐาน การจัดเก็บ และระบบโลจิสติกส์

อย่างไรก็ตาม สงครามการค้ากำลังกดดันอัตรากำไรของผู้แปรรูปถั่วเหลืองในบราซิล แม้ว่าการส่งออกไปจีนจะพุ่งสูง และค่าพรีเมียมที่ท่าเรือจะสูงขึ้น โดยบางส่วนขายได้สูงกว่าราคาพื้นฐานถึง $0.65 ต่อบุชเชล แต่ต้นทุนการจัดหาวัตถุดิบที่สูงขึ้น และราคาน้ำมันไบโอดีเซลภายในประเทศที่ลดลงอย่างรุนแรง ยังคงเป็นความท้าทาย สมาคมอุตสาหกรรมน้ำมันพืชแห่งบราซิล (ABIOVE) ระบุว่า มีผลผลิตถั่วเหลือง 30–40% ที่ยังไม่มีการซื้อขาย ทำให้ผู้แปรรูปเสี่ยงต่อราคาที่สูงขึ้น แม้ปริมาณการโม่คาดว่าจะทรงตัวจากความต้องการใช้น้ำมันและกากที่แข็งแกร่งในประเทศ แต่ผลกำไรยังคงอยู่ภายใต้แรงกดดัน

ทั้งนี้ ในช่วงหลายวันที่ผ่านมา ราคาฟิวเจอร์สถั่วเหลืองในตลาดชิคาโกปรับตัวลดลงต่อเนื่องจากจุดสูงสุดในรอบเจ็ดสัปดาห์ อันเนื่องมาจากความต้องการจากจีนที่อ่อนแอ ความตึงเครียดทางการค้าที่รุนแรงขึ้น และอุปทานจากอเมริกาใต้ที่ล้นตลาด ในวันจันทร์ราคายังหลากหลาย โดยราคาพืชใหม่เพิ่มขึ้นเล็กน้อย ขณะที่สัญญาใกล้ส่งมอบปรับลดลง แต่ในวันอังคารและพุธราคาปรับลดต่อเนื่อง จากการนำเข้าของจีนที่ลดลงอย่างเห็นได้ชัด ท่ามกลางสงครามการค้าที่ทวีความรุนแรงขึ้น และการเก็บเกี่ยวครั้งใหญ่ในบราซิล ทำให้ผู้ซื้อเปลี่ยนทิศทางไปหาประเทศอื่นแทนสหรัฐฯ

แนวโน้มนี้สะท้อนชัดในข้อมูลการส่งออกของสหรัฐฯ ที่ปริมาณการจัดส่งรายสัปดาห์ลดลงถึง 32.9% จากสัปดาห์ก่อนหน้า แม้จะยังสูงกว่าช่วงเดียวกันของปีก่อนถึง 22.1% โดยจีนยังคงเป็นผู้นำเข้าอันดับหนึ่ง แม้ยอดรวมเดือนมีนาคมจะลดลงถึง 36.8% เมื่อเทียบกับปีก่อน และยอดนำเข้ารวมไตรมาสแรกของจีนลดลง 7.9%

ด้านรายงานการโม่ของ NOPA ระบุว่า ปริมาณถั่วเหลืองที่โม่ในเดือนมีนาคมอยู่ที่ 194.55 ล้านบุชเชล เพิ่มขึ้นจากเดือนกุมภาพันธ์ แต่ยังต่ำกว่าปีก่อนเล็กน้อย ขณะที่สต็อกน้ำมันถั่วเหลืองลดลงเกือบ 19% จากปีก่อน โดยข้อมูลจากรายงาน Commitment of Traders แสดงให้เห็นว่านักลงทุนเก็งกำไรเพิ่มสถานะ Long ในขณะที่กลุ่มพาณิชย์ลดสถานะ Short ลง

ทั้งนี้ ตลาดสินค้าเกษตรโดยรวมได้รับอิทธิพลจากค่าเงินดอลลาร์ที่อ่อนค่าลง ซึ่งช่วยให้สินค้าสหรัฐฯ มีความสามารถในการแข่งขันเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม ข้อได้เปรียบดังกล่าวถูกชดเชยด้วยการแข่งขันจากทั่วโลก และผลกระทบจากภาษีศุลกากรของสหรัฐฯ ที่ลดแรงจูงใจในการซื้อของผู้ซื้อทั่วโลก โดย Commerzbank ระบุว่า ถั่วเหลืองสหรัฐฯ มีราคาสูงจนผู้ซื้อจีนหันไปหาทางเลือกอื่นอย่างบราซิลมากขึ้นเรื่อย ๆ

เมื่อมองไปข้างหน้า สัญญาซื้อขายล่วงหน้าถั่วเหลืองมีแนวโน้มที่จะเผชิญกับแรงกดดันขาลงในระดับปานกลางในระยะสั้น สะท้อนจากปัจจัยพื้นฐานระดับโลกที่เป็นลบและความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ โดยความผันผวนในระยะสั้นมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นจากรอบการเปิดเผยข้อมูลสำคัญจาก USDA ในวันที่ 12 พฤษภาคม และจาก CONAB ในวันที่ 15 พฤษภาคม ซึ่งอาจส่งผลต่อมุมมองของอุปสงค์และอุปทาน อย่างไรก็ตาม เว้นแต่ความต้องการจากจีนจะฟื้นตัวอย่างมีนัยสำคัญ หรือสภาพอากาศจะกระทบต่อพื้นที่เพาะปลูกหลัก ราคาสัญญาซื้อขายล่วงหน้าถั่วเหลืองอาจเผชิญความยากลำบากในการปรับตัวขึ้นเหนือระดับปัจจุบัน และอาจกลับมาทดสอบแนวรับในช่วง 1,000–1,015 ได้อีกครั้ง

ข้อมูลประกอบการวิเคราะห์ทางเทคนิค (1D) CFD US Soybeans Futures - May 25 (ZSK5)

แนวต้านสำคัญ : 1039.68, 1042.16, 1046.17

แนวรับสำคัญ : 1031.66, 1029.18, 1025.17          

1D Outlook       

ที่มา: TradingView                             

Buy/Long 1 หากมีการแตะแนวรับที่ช่วงราคา 1025.66 - 1031.66 แต่ไม่สามารถเบรกแนวรับที่ 1031.66 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1040.59 และ SL ที่ประมาณ 1022.66 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Buy/Long 2 หากสามารถเบรกแนวต้านที่ช่วงราคา 1039.68 – 1045.68 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1052.00 และ SL ที่ประมาณ 1027.00 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้                 

Sell/Short 1 หากมีการแตะแนวต้านที่ช่วงราคา 1039.68 – 1045.68 แต่ไม่สามารถเบรกแนวต้านที่ 1039.68 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1030.09 และ SL ที่ประมาณ 1036.68 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Sell/Short 2 หากสามารถเบรกแนวรับที่ช่วงราคา 1025.66 - 1031.66 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1015.00 และ SL ที่ประมาณ 1043.00 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Pivot Points Apr 16, 2025 01:03PM GMT+7