บทวิเคราะห์ EUR/USD วันที่ 17 เมษายน 2568

Create at 2 days ago (Apr 17, 2025 11:09)

ECB คาดลดดอกเบี้ย ท่ามกลางความตึงเครียดการค้าโลก

ยูโรแข็งค่าจากความคาดหวังว่า ธนาคารกลางยุโรป (ECB) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 25 จุดพื้นฐาน เหลือ 2.25% สะท้อนถึงความกังวลที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับภาวะเงินฝืด การเติบโตทางเศรษฐกิจที่เปราะบาง และความตึงเครียดทางการค้าที่รุนแรงขึ้นกับสหรัฐฯ โดยข้อมูลเงินเฟ้อยูโรโซนประจำเดือนมีนาคมคาดว่าจะชะลอตัวลงเล็กน้อย สนับสนุนแนวโน้มการผ่อนคลายทางการเงินต่อเนื่อง

นักวิเคราะห์จาก ING และ Barclays มองว่าการลดดอกเบี้ยครั้งนี้แทบจะแน่นอน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นในตลาด โดยแม้จะมีสัญญาณฟื้นตัว เช่น การผลิตภาคอุตสาหกรรมที่ดีเกินคาด แต่มุมมองต่อเศรษฐกิจโดยรวมยังคงอ่อนแอ ประธาน ECB คริสติน ลาการ์ด ยังคงยึดแนวทางที่ระมัดระวัง และอิงตามข้อมูลเศรษฐกิจ พร้อมเน้นย้ำถึงความไม่แน่นอนทั่วโลก เช่น การกระตุ้นการคลังของเยอรมนีที่อาจเกิดขึ้น และนโยบายการค้าของสหรัฐฯ ที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา

ในเยอรมนี อัตราเงินเฟ้อชะลอลงสู่ 2.3% ในเดือนมีนาคม จาก 2.6% ในเดือนก่อนหน้า อย่างไรก็ตาม ประเทศกำลังเผชิญแรงกดดันอย่างหนัก ความเชื่อมั่นของนักลงทุนร่วงลงอย่างรุนแรงในเดือนเมษายน เนื่องจากความกังวลเรื่องผลกระทบจากภาษีของสหรัฐฯ ต่ออุตสาหกรรมส่งออก เช่น สินค้าทุนและรถยนต์ แม้รัฐบาลจะอนุมัติแผนกระตุ้นเศรษฐกิจมูลค่า 5 แสนล้านยูโร แต่ผลกระทบในระยะสั้นมีแนวโน้มจำกัด เพราะความขัดแย้งทางการเมืองและอุปสงค์ภายในที่ซบเซา ส่งผลให้การคาดการณ์ GDP ปี 2025 ถูกปรับลดเหลือเพียง 0.1% จากเดิม 0.8% และทำให้เยอรมนีเป็นประเทศ G7 เดียวที่ไม่มีการเติบโตติดต่อกัน 2 ปี

ผลกระทบทางเศรษฐกิจยังลุกลามสู่ยุโรปกลางและตะวันออก (CEE) โดยประเทศอย่างโปแลนด์ ฮังการี และสาธารณรัฐเช็ก ที่เชื่อมโยงกับอุตสาหกรรมเยอรมนีอย่างลึกซึ้ง คาดว่าจะมีการปรับลดคาดการณ์การเติบโตปี 2025 ลง 0.4–0.6% โดยเฉพาะฮังการีที่ได้รับผลกระทบหนัก หลังจาก S&P ปรับลดแนวโน้มเครดิตลงเป็น “ลบ” เนื่องจากแรงกดดันทางการคลังและการค้า

ขณะเดียวกัน ฝรั่งเศสมีเงินเฟ้อทรงตัวที่ 0.9% ในเดือนมีนาคม หลังจากที่ลดลงต่ำกว่า 1% ในเดือนก่อนหน้า ซึ่งถือเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 4 ปี แม้เศรษฐกิจฝรั่งเศสขยายตัว 0.2% ในไตรมาสแรก ดีกว่าที่คาดไว้เล็กน้อย แต่ความไม่แน่นอนด้านการค้ายังคงเป็นแรงกดดันสำคัญ โดยการสำรวจของธนาคารกลางพบว่า ภาคธุรกิจสินค้าหรูและอากาศยานยังแข็งแกร่ง แต่ธุรกิจส่วนใหญ่รายงานคำสั่งซื้อที่ลดลงและมีมุมมองเชิงลบต่ออนาคตอันใกล้

ในสหรัฐฯ ความเชื่อมั่นนักลงทุนอ่อนแอลง จากความตึงเครียดทางการค้าที่ทวีความรุนแรงขึ้นภายใต้การบริหารของประธานาธิบดีทรัมป์ ดอลลาร์อ่อนค่าติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่สี่ เนื่องจากตลาดกังวลเกี่ยวกับการออกมาตรการภาษีที่ไม่แน่นอน โดยเฉพาะกับจีน หลังจากมาตรการภาษี 145% ของทรัมป์ต่อสินค้าจีนทำให้จีนตอบโต้ด้วยภาษี 125% และยังเปิดการสอบสวนการเก็บภาษีแร่หายากที่สำคัญ ซึ่งสร้างความกังวลด้านห่วงโซ่อุปทาน

ด้านประธานเฟด เจอโรม พาวเวลล์ ระบุว่า เศรษฐกิจชะลอตัวในไตรมาสแรก และเน้นว่าจะยังคงใช้นโยบายแบบระมัดระวังตามข้อมูล แม้เฟดยังคงมุ่งมั่นกับเป้าหมายสองประการ คือ การรักษาเสถียรภาพราคาและการจ้างงาน แต่พาวเวลล์เตือนว่าภาษีอาจผลักดันเงินเฟ้อให้สูงขึ้น ในขณะที่กดดันอุปสงค์ทางเศรษฐกิจ พร้อมทั้งปฏิเสธการแทรกแซงทันที แต่ยอมรับว่าแรงกระแทกจากการค้าคือ “การเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้าง” ที่ทำให้นโยบายการเงินแบบเดิมใช้ได้ยากขึ้น ขณะที่ คริสโตเฟอร์ วอลเลอร์ ผู้ว่าการเฟด ระบุว่า หากเศรษฐกิจแย่ลง อาจมีการสนับสนุนการลดดอกเบี้ยก่อนกำหนด แม้จะผลักดันให้เงินเฟ้อสูงขึ้นก็ตาม โดยตลาดยังคงคาดว่าเฟดจะเริ่มลดดอกเบี้ยในเดือนมิถุนายน โดยคาดการณ์ว่าภายในสิ้นปีจะลดลงรวม 1.0% ขณะที่อัตราดอกเบี้ยนโยบายปัจจุบันอยู่ที่ 4.25%-4.50%

ทั้งนี้ แม้จะมีปัญหาการค้า แต่ความต้องการพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ จากต่างประเทศกลับเพิ่มขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ ยอดถือครองรวมเพิ่มขึ้น 3.4% แตะ 8.817 ล้านล้านดอลลาร์ นำโดยญี่ปุ่นและจีน ซึ่งถือครองเพิ่มเป็น 1.13 ล้านล้านดอลลาร์ และ 784.3 พันล้านดอลลาร์ตามลำดับ ขณะที่ยอดเงินทุนไหลเข้าสุทธิ 284.7 พันล้านดอลลาร์ ส่วนใหญ่จากการลงทุนภาคเอกชนในตราสารหนี้ระยะยาว อย่างไรก็ตาม นักวิเคราะห์เตือนว่า หากมีการขายพันธบัตรขนาดใหญ่โดยเฉพาะจากจีน อาจส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพตลาดได้

ด้านยอดค้าปลีกในสหรัฐฯ พุ่งขึ้น 1.4% ในเดือนมีนาคม ถือเป็นการเพิ่มขึ้นรายเดือนสูงสุดในรอบกว่า 2 ปี และเพิ่มขึ้น 4.6% เมื่อเทียบรายปี โดยได้รับแรงหนุนจากการซื้อกักตุนล่วงหน้าเพื่อเลี่ยงราคาที่คาดว่าจะเพิ่มขึ้นจากมาตรการภาษีใหม่ โดยเฉพาะจากยอดขายยานยนต์และสินค้าออนไลน์ อย่างไรก็ตาม นักเศรษฐศาสตร์เตือนว่าแนวโน้มนี้อาจเบาบางลงเมื่อมาตรการภาษีเริ่มมีผลบังคับใช้ และความเชื่อมั่นผู้บริโภคยังคงอ่อนแอ

อย่างไรก็ดี แม้จะมีการระงับภาษีชั่วคราวต่อสินค้าเทคโนโลยีจากจีน แต่มาตรการภาษีโดยรวมยังคงอยู่ และคาดว่าจะมีการประกาศภาษีเพิ่มเติมต่อกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ ยา และอุตสาหกรรมเชิงยุทธศาสตร์อื่นๆ ทำให้ความไม่แน่นอนยังคงสูง ขณะที่นักลงทุนและผู้กำหนดนโยบายต้องเตรียมรับมือกับความผันผวนทางเศรษฐกิจที่มากขึ้น และความเสี่ยงจากภาวะชะงักงันทางเศรษฐกิจควบคู่กับเงินเฟ้อ

ด้วยเหตุนี้ คู่สกุล EUR/USD จึงอาจมีแนวโน้มได้รับแรงหนุนในระยะสั้น โดยมีโอกาสทดสอบกรอบ 1.14–1.15 อย่างไรก็ตาม จุดอ่อนเชิงโครงสร้างที่ยังคงอยู่ในยูโรโซน ประกอบกับอุปสงค์ภาคอุตสาหกรรมของเยอรมนีที่เปราะบาง และความผันผวนที่เกี่ยวข้องกับการค้า อาจเป็นปัจจัยจำกัดการแข็งค่าของ EUR/USD ให้อยู่ต่ำกว่าระดับ 1.15 โดยหากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ มีเสถียรภาพหรือฟื้นตัว EUR/USD อาจย่อตัวลงมาบริเวณ 1.1250 ได้ในระยะกลาง

ข้อมูลประกอบการวิเคราะห์ทางเทคนิค (1D) CFD EUR/USD

แนวต้านสำคัญ : 1.1413, 1.1445, 1.1495

แนวรับสำคัญ : 1.1313, 1.1281, 1.1231

1D Outlook    

วิเคราะห์ EUR/USD ที่มา: TradingView    

Buy/Long 1 หากมีการแตะแนวรับที่ช่วงราคา 1.1233 - 1.1313 แต่ไม่สามารถทะลุแนวรับที่ 1.1313 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.1445 และ SL ที่ประมาณ 1.1193 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Buy/Long 2 หากสามารถทะลุแนวต้านที่ช่วงราคา 1.1413 - 1.1493 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.1577 และ SL ที่ประมาณ 1.1273 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้                 

Sell/Short 1 หากมีการแตะแนวต้านที่ช่วงราคา 1.1413 - 1.1493 แต่ไม่สามารถทะลุแนวต้านที่ 1.1413 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.1313 และ SL ที่ประมาณ 1.1373 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Sell/Short 2 หากสามารถทะลุแนวรับที่ช่วงราคา 1.1233 - 1.1313 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.1181 และ SL ที่ประมาณ 1.1453 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Pivot Points Apr 17, 2025 10:40AM GMT+7

Name
S3
S2
S1
Pivot Points
R1
R2
R3
Classic 1.1181 1.1231 1.1313 1.1363 1.1445 1.1495 1.1577
Fibonacci 1.1231 1.1281 1.1313 1.1363 1.1413 1.1445 1.1495
Camarilla 1.136 1.1372 1.1384 1.1363 1.1408 1.142 1.1432
Woodie's 1.1199 1.124 1.1331 1.1372 1.1463 1.1504 1.1595
DeMark's - - 1.1339 1.1376 1.147 - -

ที่มา: Investing 1Investing 2

______________________________
อัพเกรดความรู้เพิ่มเติม: คลิกที่นี่
รู้เท่าทันสถานการณ์โลกและบทวิเคราะห์เทคนิคขั้นสูง: คลิกที่นี่
Tags:

TECHNICAL ANALYSIS

ARTICLES