แบงก์ชาติแคนาดาคงดอกเบี้ย ท่ามกลางความไม่แน่นอนทางการค้าโลก

ธนาคารกลางแคนาดา (BoC) ตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 2.75% หลังจากปรับลดต่อเนื่องมาแล้วเจ็ดครั้ง โดยส่งสัญญาณถึงแนวทางที่ระมัดระวังท่ามกลางความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจโลกที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะจากความเปลี่ยนแปลงของนโยบายการค้าสหรัฐฯ ผู้ว่าการธนาคารกลาง นายทิฟฟ์ แมคเลม เน้นย้ำถึงความจำเป็นในการมีความยืดหยุ่น พร้อมระบุว่าธนาคารพร้อมดำเนินการอย่างเด็ดขาดหากภาวะเศรษฐกิจเลวร้ายลง โดยการคงอัตราในครั้งนี้ไม่ได้หมายความว่าวัฏจักรการผ่อนคลายนโยบายจะสิ้นสุดลง ซึ่งธนาคารยังคงจับตาผลกระทบของมาตรการภาษีและแนวโน้มเงินเฟ้ออย่างใกล้ชิด

ทั้งนี้ เศรษฐกิจแคนาดาสิ้นสุดปี 2024 ด้วยแรงส่งที่แข็งแกร่งจากการลดดอกเบี้ยซึ่งช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายของครัวเรือนและการลงทุน อย่างไรก็ตาม มาตรการเก็บภาษีนำเข้าของประธานาธิบดีทรัมป์ได้สร้างความผันผวนให้กับตลาดการเงิน บั่นทอนความเชื่อมั่นทางธุรกิจ และเพิ่มความเสี่ยงต่อสงครามการค้าโลก ทำให้แนวโน้มการเติบโตทางเศรษฐกิจและเงินเฟ้อมีความไม่แน่นอนสูง และส่งผลให้ BoC ระงับการเผยแพร่ประมาณการเศรษฐกิจอย่างเป็นทางการชั่วคราว และเลือกนำเสนอในรูปแบบสมมติฐานนโยบายสองแนวทาง

ในสมมติฐานแรก หากภาษีถูกยกเลิกผ่านการเจรจา จะส่งผลให้เศรษฐกิจและเงินเฟ้ออ่อนตัวชั่วคราว โดยเงินเฟ้ออาจลดลงแตะ 1.5% ก่อนจะกลับสู่เป้าหมายที่ 2% ส่วนสมมติฐานที่สอง การทำสงครามการค้าที่ยืดเยื้ออาจนำไปสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยนานหนึ่งปี และเงินเฟ้ออาจพุ่งทะลุ 3% ในช่วงกลางปี 2026 ก่อนจะทรงตัว

อย่างไรก็ดี ข้อมูลเศรษฐกิจล่าสุดสะท้อนถึงภาวะชะลอตัว โดย GDP ไตรมาสแรกปี 2025 คาดว่าจะเติบโตเพียง 1.8% ลดลงจากไตรมาส 4 ปี 2024 ที่เติบโตแข็งแกร่ง การลงทุนภาคธุรกิจและการส่งออกเริ่มอ่อนแรง ตลาดแรงงานเริ่มตึงตัว โดยการจ้างงานหยุดนิ่ง และแผนในการจ้างงานลดลง

ด้านอัตราเงินเฟ้อลดลงเหลือ 2.3% ในเดือนมีนาคม 2025 จาก 2.6% ในเดือนกุมภาพันธ์ สาเหตุหลักมาจากราคาน้ำมันและค่าใช้จ่ายด้านการเดินทางที่ลดลง แม้ว่าอัตราเงินเฟ้อพื้นฐานจะยังคงทรงตัว การยกเลิกภาษีคาร์บอนและราคาน้ำมันที่ต่ำลงคาดว่าจะกดดันให้เงินเฟ้อทั่วไปลดลงอีก โดยนักเศรษฐศาสตร์บางรายมองว่าการชะลอตัวของเงินเฟ้อเป็นเหตุผลที่เพียงพอสำหรับการลดดอกเบี้ยเพิ่มเติม

ทั้งนี้ แม้เศรษฐกิจจะมีสัญญาณชะลอตัว แต่นักลงทุนชาวแคนาดายังลงทุนในหุ้นสหรัฐฯ สูงเป็นประวัติการณ์ โดยในเดือนกุมภาพันธ์ 2025 มียอดลงทุนสูงถึง 29.8 พันล้านดอลลาร์แคนาดา โดยเฉพาะในหุ้นกลุ่มเทคโนโลยีและการเงินขนาดใหญ่ ท่ามกลางความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และแคนาดาที่เพิ่มขึ้น ในทางกลับกัน การลงทุนจากต่างชาติในหลักทรัพย์ของแคนาดาลดลง โดยเฉพาะในตลาดหุ้น แม้ว่าการไหลเข้าของตราสารหนี้และตลาดเงินจะช่วยชดเชยบางส่วน

ด้านค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนค่าลงอย่างมากเนื่องจากความเชื่อมั่นของนักลงทุนลดลงจากคำวิจารณ์ของประธานาธิบดีทรัมป์ต่อธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ที่เกิดขึ้นหลายครั้ง โดยความกังวลเกี่ยวกับความเป็นอิสระของ Fed สั่นคลอนตลาดและกดดันค่าเงินดอลลาร์ให้ร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบหลายปีเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก ซึ่งเจ้าหน้าที่และนักเศรษฐศาสตร์เตือนว่าการแทรกแซงทางการเมืองอาจบั่นทอนความน่าเชื่อถือและเสถียรภาพของเศรษฐกิจ

อีกด้าน แม้จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานจะลดลง ซึ่งบ่งชี้ถึงเสถียรภาพของตลาดแรงงาน แต่ข้อมูลเศรษฐกิจโดยรวมกลับชี้ให้เห็นถึงภาพรวมที่อ่อนแอลง มาตรการภาษีนำเข้าของทรัมป์ส่งผลกระทบต่อภาคอสังหาริมทรัพย์ โดยการเริ่มก่อสร้างบ้านเดี่ยวลดลงแตะระดับต่ำสุดในรอบแปดเดือน ขณะที่ความเชื่อมั่นของผู้ประกอบการยังคงอยู่ในระดับต่ำ ท่ามกลางอัตราภาษีที่ได้นำไปสู่ต้นทุนการก่อสร้างที่สูงขึ้น ทำให้ประโยชน์จากอัตราดอกเบี้ยจำนองที่ลดลงลดลงตาม และส่งผลให้โครงการก่อสร้างใหม่ชะลอตัว ขณะที่ใบอนุญาตก่อสร้างใหม่ลดลงเช่นกัน สะท้อนถึงแนวโน้มการชะลอตัวที่กว้างขึ้น

นักวิเคราะห์จาก Capital Economics และสถาบันอื่น ๆ ระบุว่าสถานะของดอลลาร์ในฐานะสกุลเงินปลอดภัยระดับโลกเริ่มถูกบั่นทอนจากมาตรการภาษีที่ไม่แน่นอน นโยบายการค้าของทรัมป์ที่เปลี่ยนแปลงไปมาระหว่างการขึ้นภาษีและการยกเว้นชั่วคราวสำหรับสินค้าเทคโนโลยีบางประเภท ทำให้ตลาดการเงินผันผวนมากขึ้น ส่งผลเสียทางอ้อมต่อค่าเงินดอลลาร์ ทำให้ตลาดพันธบัตรสหรัฐฯ ปั่นป่วน และความเชื่อมั่นของนักลงทุนสั่นคลอน นักวิเคราะห์บางรายตั้งข้อสังเกตว่าสถานะผู้นำของดอลลาร์ในระบบการเงินโลกอาจเสื่อมลงหากความไม่แน่นอนนี้ยังคงดำเนินต่อไป

ธนาคารกลางสหรัฐฯ ภายใต้การนำของพาวเวลล์ ยังคงดำเนินนโยบายอย่างระมัดระวังท่ามกลางความตึงเครียดทางการค้าและการชะลอตัวของการเติบโต เจ้าหน้าที่ระบุว่ากำลังจับตาตลาดสินเชื่ออย่างใกล้ชิด และพร้อมปรับนโยบายให้อ่อนตัวลงหากพบสัญญาณความตึงเครียดในระบบการเงิน นักวิเคราะห์จาก Macquarie คาดว่า Fed อาจดำเนินการเชิงรุกมากขึ้นหากพบความไม่มั่นคงในตลาดที่มีความเสี่ยงสูง เช่น ตลาดสินเชื่อที่มีการกู้ยืมสูง อย่างไรก็ตาม ผู้นำ Fed ยังคงมองว่าผลกระทบจากภาษีน่าจะเป็นเพียงชั่วคราว และเลือกใช้แนวทางรอดูสถานการณ์ก่อนตัดสินใจปรับอัตราดอกเบี้ย

หากความตึงเครียดทางการค้าที่ยังคงยืดเยื้อ และธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ปรับท่าทีไปในทางผ่อนคลายมากขึ้น ขณะที่ธนาคารกลางแคนาดา (BoC) คงอัตราดอกเบี้ยไว้หรือปรับลดลงเพิ่มเติม USD/CAD อาจทดสอบแนวต้านบริเวณ 1.40 ในระยะสั้น อย่างไรก็ตาม หากบรรยากาศความเสี่ยงทั่วโลกเริ่มมีเสถียรภาพ และค่าเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ยังคงอ่อนค่าต่อเนื่อง โดยเฉพาะจากความเสี่ยงทางการเมือง USD/CAD อาจปรับตัวลงกลับเข้าสู่กรอบ 1.36–1.37 ภายในช่วงกลางปี 2025 โดยรวมแล้ว ความเสี่ยงด้านขาขึ้นยังมีอิทธิพลในระยะสั้น แต่ในระยะกลางแนวโน้มเป็นไปในทิศทางปรับฐานลงเล็กน้อย ซึ่งขึ้นอยู่กับการคลี่คลายของความขัดแย้งทางการค้าในสหรัฐฯ และความชัดเจนของนโยบายจาก BoC

ข้อมูลประกอบการวิเคราะห์ทางเทคนิค (30Min) CFD USD/CAD

แนวต้านสำคัญ : 1.3817, 1.3821, 1.3828      

แนวรับสำคัญ : 1.3803, 1.3799, 1.3792                     

30Min Outlook                           

ที่มา: TradingView                 

Buy/Long 1 หากมีการแตะแนวรับที่ช่วงราคา 1.3795 - 1.3803 แต่ไม่สามารถเบรกแนวรับที่ 1.3803 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.3817 และ SL ที่ประมาณ 1.3791 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Buy/Long 2 หากสามารถเบรกแนวต้านที่ช่วงราคา 1.3817 - 1.3825 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.3834 และ SL ที่ประมาณ 1.3799 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้                 

Sell/Short 1 หากมีการแตะแนวต้านที่ช่วงราคา 1.3817 - 1.3825 แต่ไม่สามารถเบรกแนวต้านที่ 1.3817 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.3798 และ SL ที่ประมาณ 1.3829 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Sell/Short 2 หากสามารถเบรกแนวรับที่ช่วงราคา 1.3795 - 1.3803 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 1.3780 และ SL ที่ประมาณ 1.3821 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Pivot Points Apr 21, 2025 09:41AM GMT+7