ข้าวสาลีเผชิญแรงกดดันจากสภาพผลผลิตที่ดีขึ้นและอุปสงค์ส่งออกที่ชะลอตัว

ในช่วงต้นปี 2025 ตลาดข้าวสาลีได้รับอิทธิพลอย่างมากจากพัฒนาการด้านภูมิรัฐศาสตร์ โดยเฉพาะความตึงเครียดที่ยังคงดำเนินอยู่ในภูมิภาคทะเลดำและนโยบายภาษีของสหรัฐฯ ที่เปลี่ยนแปลง ปัจจัยเหล่านี้ส่งผลกระทบต่อกระแสการค้าและความเคลื่อนไหวของค่าเงิน ทำให้นักลงทุนใช้ความระมัดระวัง อย่างไรก็ตาม เมื่อฤดูเพาะปลูกดำเนินต่อไป ความสนใจของตลาดได้เปลี่ยนไปสู่ปัจจัยพื้นฐานมากขึ้น โดยเฉพาะรูปแบบสภาพอากาศและสภาพพืชผลในพื้นที่หลักของการเพาะปลูก นักวิเคราะห์สังเกตว่าสภาพอากาศที่ปรับตัวดีขึ้นในสหรัฐฯ รัสเซีย และยุโรปได้ช่วยคลายความกังวลก่อนหน้านี้ และสร้างแรงกดดันต่อราคา

สภาพอากาศที่ดีขึ้นคาดว่าจะช่วยเพิ่มผลผลิตในหลายภูมิภาคสำคัญ ในเขตเพลนส์ของสหรัฐฯ ฝนที่ตกลงมาช่วยบรรเทาความกังวลเกี่ยวกับข้าวสาลีฤดูหนาว ขณะที่ฝนในฝรั่งเศส เยอรมนี และบางส่วนของภูมิภาคทะเลดำได้ช่วยเพิ่มความชื้นในดิน อย่างไรก็ตาม ภาวะแห้งแล้งยังคงมีอยู่ในพื้นที่มิดเวสต์ตะวันออก เดลตา และบางส่วนของยูเครน รัสเซีย และจีน ซึ่งได้ส่งผลต่อราคาซื้อขายล่วงหน้า โดยสัญญาข้าวสาลีสหรัฐฯ โดยรวมลดลง

ในระดับภูมิภาค การเคลื่อนไหวของราคามีลักษณะหลากหลาย ขณะที่ราคาข้าวสาลีของสหรัฐฯ ลดลงเนื่องจากค่าเงินดอลลาร์ที่แข็งค่าขึ้นและยอดขายส่งออกที่ชะลอตัว ทำให้ข้าวสาลีอเมริกันมีความสามารถในการแข่งขันน้อยลง รายงานเดือนเมษายนของ USDA ระบุว่าราคาสหรัฐฯ ลดลง 1 ดอลลาร์ต่อตัน ขณะที่ราคาของอาร์เจนตินาเพิ่มขึ้น 8 ดอลลาร์จากการที่ปริมาณส่งออกลดลง ราคาข้าวสาลีของรัสเซียเพิ่มขึ้น 7 ดอลลาร์ต่อแรงหนุนจากรูเบิลที่แข็งค่าขึ้นและสต๊อกที่ตึงตัว ข้าวสาลียุโรปเพิ่มขึ้น 6 ดอลลาร์เนื่องจากการส่งออกแข็งแกร่งไปยังตะวันออกกลางและแอฟริกาเหนือ แม้ว่ายูโรที่แข็งค่าและแนวโน้มผลผลิตในประเทศที่ดีขึ้นจะบั่นทอนความสามารถในการแข่งขัน ส่วนราคาของออสเตรเลียลดลง 2 ดอลลาร์ แม้ยังมีความต้องการส่งออกที่แข็งแรง

ในระดับโลก ตลาดข้าวสาลียังคงเผชิญแรงกดดันจากพลวัตของอุปทานที่เปลี่ยนแปลงและกระแสการค้าที่ผันผวน สภาธัญพืชนานาชาติ (IGC) คาดการณ์ว่าการผลิตข้าวสาลีทั่วโลกในฤดูกาล 2025/26 จะทำสถิติสูงสุดที่ 806.4 ล้านตัน เพิ่มขึ้น 1% จากปีก่อน โดยมีสหภาพยุโรปเป็นผู้นำการฟื้นตัว การผลิตของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกอาจแตะระดับ 391 ล้านตัน ซึ่งเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่ฤดูกาล 2022/23 อย่างไรก็ตาม ความผันผวนยังคงอยู่ โดยเฉพาะจากความเคลื่อนไหวของค่าเงินและความไม่สมดุลของอุปทานในแต่ละภูมิภาค

แม้ว่าจะมีแนวโน้มการผลิตที่เพิ่มขึ้น USDA ได้ปรับลดแนวโน้มข้าวสาลีโลกในฤดูกาล 2024/25 โดยลดประมาณการผลผลิตของสหภาพยุโรปและซาอุดีอาระเบีย และลดการส่งออกของรัสเซีย ออสเตรเลีย และ EU โดยการปรับลดนี้ชดเชยได้บางส่วนจากการคาดการณ์ที่สูงขึ้นของแคนาดาและยูเครน แม้ว่าสต๊อกปลายฤดูกาลทั่วโลกจะเพิ่มขึ้นเล็กน้อย แต่ยังคงอยู่ในระดับต่ำที่สุดนับตั้งแต่ฤดูกาล 2015/16 โดยอัตราส่วนสต๊อกต่อการใช้ในกลุ่มประเทศผู้ส่งออกหลักยังคงต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในระยะยาว

ในสหรัฐฯ แนวโน้มเดือนเมษายนของ USDA สำหรับฤดูกาล 2024/25 คาดว่าปริมาณข้าวสาลีจะเพิ่มขึ้นจากการนำเข้าที่สูงที่สุดนับตั้งแต่ฤดูกาล 2017/18 การใช้ในประเทศลดลงเล็กน้อย การส่งออกลดลง และคาดว่าสต๊อกปลายฤดูกาลจะเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม ราคาข้าวสาลีเฉลี่ยที่เกษตรกรได้รับยังคงอยู่ที่ 5.50 ดอลลาร์ต่อบุชเชล ขณะที่ความต้องการส่งออกยังคงอ่อนแอ โดยเฉพาะสำหรับข้าวสาลีชนิด Hard Red Spring และ Winter

สำหรับฤดูกาล 2025/26 การคาดการณ์เบื้องต้นชี้ถึงแนวโน้มตึงตัวของอุปทานข้าวสาลีทั่วโลก ผู้แทน USDA คาดว่าการเก็บเกี่ยวข้าวสาลีของยูเครนจะลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 13 ปี เนื่องจากภัยแล้งและความสามารถในการทำกำไรที่ลดลง ในขณะที่แนวโน้มของรัสเซียมีเสถียรภาพมากกว่า แต่การส่งออกข้าวสาลีของรัสเซียในเดือนเมษายนลดลงเกือบสามเท่าจากปีที่แล้ว อันเนื่องมาจากกำไรที่ต่ำและอุปสงค์โลกที่อ่อนแอ ผู้ซื้อรายใหญ่ เช่น อียิปต์และอิสราเอล ได้ลดการสั่งซื้ออย่างมีนัยสำคัญ ขณะที่ยูเครน โรมาเนีย และบัลแกเรียได้รับส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นด้วยราคาที่สามารถแข่งขันได้มากกว่า

ด้านการส่งออกข้าวสาลีของยูเครนยังคงได้รับแรงกดดันจากทั้งสภาพอากาศและความต้องการที่ลดลง แม้ว่าราคาที่ท่าเรือทะเลดำจะทรงตัว แต่ยอดส่งออกโดยรวมลดลงกว่า 11% เมื่อเทียบกับปีก่อน ผลผลิตลดลงอย่างมากจากพื้นที่เพาะปลูกที่ลดลงและความเสียหายจากสงครามที่ยังคงดำเนินต่อไป อย่างไรก็ตาม ยูเครนยังคงส่งออกข้าวสาลีในสัดส่วนที่สูงผิดปกติจากผลผลิตจำกัด เนื่องจากความต้องการภายในประเทศสำหรับอาหารสัตว์อยู่ในระดับต่ำ ขณะที่ในรัสเซีย แม้ก่อนหน้านี้จะมีปริมาณการส่งออกสูง แต่ปัจจุบันข้าวสาลีมีราคาสูงกว่าประเทศคู่แข่ง ทำให้ขาดความสามารถในการแข่งขัน โดยจำนวนผู้ส่งออกที่ยังดำเนินกิจการอยู่และท่าเรือที่ใช้งานได้ลดลงอย่างมาก จำกัดศักยภาพในการส่งออกในอนาคต

ทั้งนี้ การเปิดประมูลล่าสุดจากผู้ซื้อรายใหญ่ เช่น จอร์แดน ตูนิเซีย และแอลจีเรีย แสดงให้เห็นถึงแนวโน้มที่เบนไปยังแหล่งราคาที่ถูกกว่า ท่ามกลางข้าวสาลีรัสเซียในปัจจุบันที่มีราคาสูงกว่าข้าวสาลีของฝรั่งเศสและสหรัฐฯ อย่างต่อเนื่อง ทำให้เสียส่วนแบ่งตลาดให้กับประเทศผู้ส่งออกยุโรปตะวันออกที่มีความสามารถในการแข่งขันมากกว่า โดยการเปลี่ยนแปลงในรูปแบบการซื้อดังกล่าวสะท้อนถึงความท้าทายเชิงโครงสร้างของข้าวสาลีรัสเซียในการฟื้นตัวของส่วนแบ่งตลาดท่ามกลางราคาภายในประเทศที่สูงและอุปสงค์โลกที่ลดลง

ในยุโรป บรรยากาศตลาดยังคงระมัดระวัง สัญญาซื้อขายล่วงหน้าข้าวสาลีบน Euronext สำหรับเดือนกันยายนลดลงมาอยู่ที่ 207.50 ยูโรต่อตัน ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่ปลายเดือนสิงหาคม แม้ว่ายูโรที่อ่อนค่าลงจะช่วยบรรเทาผลกระทบจากราคาสหรัฐฯ ที่ลดลง แต่ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับความต้องการจากแอฟริกาเหนือและความตึงเครียดทางการทูตกับแอลจีเรียยังคงมีอยู่ อย่างไรก็ตาม หากยูโรอ่อนค่าลงต่อเนื่องและราคาข้าวสาลีในทะเลดำมีเสถียรภาพ ข้าวสาลียุโรปอาจกลับมาแข่งขันในตลาดโลกได้อีกครั้ง

ขณะเดียวกัน การคาดการณ์สำหรับฤดูกาล 2025/26 บ่งชี้ถึงการเปลี่ยนแปลงในแนวโน้มการเพาะปลูกทั่วโลก ในสหรัฐฯ การปลูกข้าวสาลีฤดูใบไม้ผลิที่มีโปรตีนสูงคาดว่าจะลดลงสู่ระดับต่ำสุดในรอบ 55 ปี ขณะที่สภาพข้าวสาลีฤดูหนาวแย่กว่าปีที่แล้ว ในทางกลับกัน อาร์เจนตินาอาจเห็นการเพาะปลูกที่ทำสถิติใหม่ หากมีการขยายเวลาลดภาษีส่งออก แคนดาวางแผนขยายพื้นที่เพาะปลูก และผลผลิตต่อไร่ใน EU คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 8% อย่างไรก็ตาม ความแห้งแล้งในออสเตรเลียอาจทำให้ผลผลิตลดลงถึง 16% เพิ่มความไม่แน่นอนต่อแนวโน้มอุปทานโลก

สัญญาซื้อขายล่วงหน้าข้าวสาลีของสหรัฐฯ จึงมีแนวโน้มที่จะยังคงเผชิญแรงกดดันจากสภาพผลผลิตที่ปรับตัวดีขึ้นและอุปสงค์ส่งออกที่ซบเซา หากไม่มีการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศในทางลบหรือยอดขายส่งออกที่เพิ่มขึ้นอย่างไม่คาดคิด ราคาอาจปรับตัวลดลงต่อเนื่องในช่วงไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า โดยมีแนวรับที่ระดับ 5.30 ดอลลาร์ต่อบุชเชล และแนวต้านใกล้ระดับราคาเฉลี่ยทั้งฤดูกาลที่ 5.50 ดอลลาร์

ข้อมูลประกอบการวิเคราะห์ทางเทคนิค (1H) CFD US Wheat (ZWN5)

แนวต้านสำคัญ : 541.64, 541.73, 541.88

แนวรับสำคัญ : 541.36, 541.27, 541.12         

1H Outlook          

ที่มา: TradingView                                         

Buy/Long 1 หากมีการแตะแนวรับที่ช่วงราคา 540.76 - 541.36 แต่ไม่สามารถเบรกแนวรับที่ 541.36 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 541.64 และ SL ที่ประมาณ 540.46 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Buy/Long 2 หากสามารถเบรกแนวต้านที่ช่วงราคา 541.64 - 542.24 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 542.60 และ SL ที่ประมาณ 541.06 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้                 

Sell/Short 1 หากมีการแตะแนวต้านที่ช่วงราคา 541.64 - 542.24 แต่ไม่สามารถเบรกแนวต้านที่ 541.64 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 541.25 และ SL ที่ประมาณ 542.54 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Sell/Short 2 หากสามารถเบรกแนวรับที่ช่วงราคา 540.76 - 541.36 ได้ อาจตั้ง TP ที่ประมาณ 540.60 และ SL ที่ประมาณ 541.94 หรือตามความเสี่ยงที่รับได้

Pivot Points Apr 24, 2025 10:34AM GMT+7