ดัชนีดาวโจนส์ปรับตัวลงในวันนี้เป็นครั้งแรกในรอบ 7 วัน หลังจากพุ่งขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์เมื่อวานนี้ โดยได้แรงหนุนจากความคืบหน้าในการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และการฉีดวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ในสหรัฐ
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ลดลง 10.72 จุด หรือ 0.03% ปิดที่ 31,375.04 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ลดลง 4.30 จุด หรือ 0.11% ปิดที่ 3,911.29 จุด และดัชนีแนสแด็ก เพิ่มขึ้น 20.06 จุด หรือ 0.14% ปิดที่ 14,007.70 จุด
ทั้งนี้ พรรคเดโมแครตประสบความสำเร็จในการผลักดันให้สภาคองเกรสให้ความเห็นชอบต่อแนวทางการพิจารณาอนุมัติมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจวงเงิน 1.9 ล้านล้านดอลลาร์ของประธานาธิบดีโจ ไบเดนแบบฟาสต์แทร็ก โดยใช้แนวทางการจัดทำงบประมาณที่เรียกว่า budget reconciliation ซึ่งจะปูทางให้สภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาสามารถให้การรับรองงบประมาณดังกล่าวด้วยคะแนนเสียงเกินกึ่งหนึ่ง แทนที่จะใช้คะแนนเสียง 2 ใน 3 สำหรับการผ่านกฎหมายทั่วไป และทำให้ปธน.ไบเดนสามารถผลักดันมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจดังกล่าว โดยไม่จำเป็นต้องได้รับเสียงสนับสนุนจากพรรครีพับลิกัน
ด้านนางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ คาดการณ์ว่า สภาคองเกรสจะสามารถลงมติให้การอนุมัติมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อเยียวยาชาวสหรัฐและภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ก่อนวันที่ 15 มี.ค. ซึ่งเป็นวันที่มาตรการช่วยเหลือผู้ว่างงานที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 จะหมดอายุลง
นักลงทุนคาดการณ์ว่าสหรัฐจะเร่งออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ หลังการเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรที่ต่ำกว่าคาดเมื่อวันศุกร์ นอกจากนี้ นักลงทุนยังคงจับตาผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียน โดยในบรรดาบริษัทในดัชนีเอสแอนด์พี 500 ที่ได้เสร็จสิ้นการรายงานผลประกอบการในไตรมาส 4/63 มีจำนวน 83.6% ที่รายงานตัวเลขรายได้และกำไรสูงกว่าที่คาดการณ์ไว้