นายกรัฐมนตรี บอริส จอห์นสัน ของอังกฤษ ประกาศความสำเร็จที่ทางการสามารถทำการฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 เข็มแรกให้แก่ประชาชนได้มากถึง 15 ล้านคนแล้ว ขณะที่มีเสียงเรียกร้องให้รัฐบาลพิจารณาผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์เข็มงวด
นายกรัฐมนตรี จอห์นสัน กล่าวในวันอาทิตย์ตามเวลาในอังกฤษ ว่า การแจกจ่ายวัคซีนเข็มแรกให้กับประชาชนจำนวนมากถึงระดับดังกล่าว ถือเป็น “หลักชัยสำคัญ” หลักหนึ่ง เนื่องจากโครงการการฉีดวัคซีนเป็นสิ่งที่รัฐบาลอังกฤษมองว่าเป็นความสำเร็จชิ้นหนึ่งในการรับมือกับภาวะระบาดใหญ่ของโคโรนาไวรัสสายพันธุ์ใหม่
ซึ่งส่งผลให้ตัวเลขผู้เสียชีวิตและผลกระทบทางเศรษฐกิจของประเทศสูงและรุนแรงกว่าเพื่อนบ้านทั้งหลายในยุโรปมาก ข้อมูลจากมหาวิทยาลัย จอนส์ ฮฮพกินส์ ณ บ่ายวันอาทิตย์ตามเวลาในสหรัฐฯ ชี้ว่า ตัวเลขผู้ป่วยสะสมในอังกฤษนั้นอยู่ที่กว่า 4 ล้านคน ขณะที่มีผู้เสียชีวิตในประเทศนี้แล้วกว่า 117,300 คน จากประชากรรวมทั้งหมดราว 67 ล้านคน
หลังจากอังกฤษกลายมาเป็นประเทศแรกที่อนุมัติการใช้งานวัคซีนต้านโควิด-19 รัฐบาลของนายกรัฐมนตรี จอห์นสัน ได้ตั้งเป้าหมายที่จะฉีดวัคซีนให้ประชาชนอย่างน้อย 15 ล้านคนซึ่งเป็นผู้ที่อาศัยอยู่ในบ้านพักคนชราและพนักงานที่ทำงานในนั้น เจ้าหน้าที่สาธารณสุขด่านหน้าทุกคน รวมทั้งผู้ที่มีอายุสูงกว่า 70 ปี และผู้ที่มีปัญหาสุขภาพหนัก ให้ได้ภายในวันที่ 15 กุมภาพันธ์
ทางนายกรัฐมนตรีจอห์สันยืนยันว่า การฉีดวัคซีนให้แก่กลุ่มเป้าหมายทั้งหมดในอังกฤษนั้นสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี แต่ไม่ได้พูดถึงการแจกจ่ายวัคซีนในสก็อตแลนด์ เวลส์ และไอร์แลนด์เหนือ รวมทั้งไม่ได้เปิดเผยว่าตัวเลขเป้าหมายผู้รับวัคซีนโดยรวมทั้งหมดนั้นเป็นอย่างไร
ทั้งนี้ ความสำเร็จของโครงการฉีดวัคซีนให้ประชาชนนี้กลายมาเป็นประเด็นที่ทำให้ผู้ต่อต้านมาตรการล็อคดาวน์ที่ยืดเยื้อมานาน เรียกร้องให้รัฐบาลเริ่มผ่อนคลายกฎต่างๆ ที่สั่งให้ประชาชนอยู่แต่ในบ้านเรือน สั่งปิดร้านค้าธุรกิจที่ถูกจัดว่าไม่มีความจำเป็นและปิดการเรียนการสอนในโรงเรียน แต่รัฐมนตรีต่างประเทศอังกฤษ โดมินิค ราบ กล่าวว่า ในเวลานี้ยังเร็วเกินไปที่จะพูดถึงการยกเลิกมาตรการจำกัดต่างๆ พร้อมย้ำว่า ทุกอย่างต้องดำเนินไปอย่างรอบคอบและเน้นเรื่องความปลอดภัย
โดยความเห็นดังกล่าวเป็นการตอบจดหมายที่สมาชิกรัฐสภาอังกฤษ 63 คนจากพรรคอนุรักษ์นิยมซึ่งเป็นพรรครัฐบาลส่งมาเพื่อเรียกร้องให้มีการยกเลิกมาตรการล็อกดาวน์ภายในสิ้นเดือนเมษายนนี้ ซึ่งเป็นช่วงที่รัฐบาลตั้งเป้าหมายไว้ว่าจะทำการฉีดวัคซีนประชาชนให้ได้ 32 ล้านคน