สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส ส่งมอบเดือนมี.ค. ซึ่งมีการซื้อขายที่ตลาดไนเม็กซ์ เพิ่มขึ้น 18 เซนต์ ปิดที่ 61.67 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ ส่งมอบเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 13 เซนต์ ปิดที่ 65.37 ดอลลาร์/บาร์เรล แหล่งข่าวระบุว่า ตลาดน้ำมันจะยังคงเผชิญภาวะตึงตัว เนื่องจากการกลับมาผลิตน้ำมันอีกครั้งของอุตสาหกรรมพลังงานในรัฐเท็กซัสจะเป็นไปอย่างล่าช้า โดยต้องใช้เวลาอย่างน้อย 2 สัปดาห์ หลังจากที่สภาพอากาศที่หนาวเย็นได้กระทบต่อการผลิตน้ำมันและก๊าซก่อนหน้านี้
ขณะที่นักวิเคราะห์ ระบุว่า การขาดแคลนกระแสไฟฟ้าในรัฐเท็กซัสก่อนหน้านี้ได้กระทบต่อการกลั่นน้ำมันราว 1 ใน 5 ของสหรัฐ รวมทั้งการผลิตน้ำมันดิบราว 4 ล้านบาร์เรล/วัน และการผลิตก๊าซธรรมชาติจำนวน 2.1 หมื่นล้านลูกบาศก์ฟุต/วันสหรัฐ นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังได้ปัจจัยหนุนจากอุปสงค์น้ำมันที่เพิ่มขึ้น ขณะที่ประเทศต่างๆเริ่มผ่อนคลายมาตรการล็อกดาวน์ ซึ่งจะทำให้มีการเปิดเศรษฐกิจ และเพิ่มความต้องการใช้น้ำมัน
นักลงทุนจับตาการประชุมของกลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส ในวันที่ 4 มี.ค. โดยมีการคาดการณ์ว่าที่ประชุมจะมีมติผ่อนคลายมาตรการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมันหลังเดือนเม.ย. เนื่องจากขณะนี้ราคาน้ำมันได้ฟื้นตัวขึ้นแล้ว โกลด์แมน แซคส์ออกรายงานแนวโน้มราคาน้ำมันในปีนี้ โดยได้ปรับเพิ่มตัวเลขคาดการณ์ราคาน้ำมัน จากปัจจัยสต็อกน้ำมันที่ต่ำกว่าคาด และกระแสการเก็งกำไรของนักลงทุน
ทั้งนี้ โกลด์แมน แซคส์คาดการณ์ว่าราคาน้ำมันดิบเบรนท์ จะพุ่งแตะระดับ 70 ดอลลาร์/บาร์เรลในไตรมาส 2 จากเดิมคาดการณ์ที่ระดับ 60 ดอลลาร์/บาร์เรล และคาดว่าจะแตะระดับ 75 ดอลลาร์/บาร์เรลในไตรมาส 3 จากเดิมคาดการณ์ที่ระดับ 65 ดอลลาร์/บาร์เรล นอกจากนี้ มอร์แกน สแตนลีย์ คาดการณ์ว่าราคาน้ำมันดิบเบรนท์จะดีดตัวแตะระดับ 70 ดอลลาร์/บาร์เรลในไตรมาส 3 จากสัญญาณบ่งชี้ภาวะตลาดที่ดีขึ้น ซึ่งรวมถึงแนวโน้มการดีดตัวขึ้นของอุปสงค์น้ำมัน