เมื่อวันอังคาร(24พฤศจิกายน) ราคาของบิตคอยน์พุ่งขึ้นแตะระดับ 19,000 ดอลลาร์ ทำสถิติสูงสุดในรอบเกือบ 3 ปี บิตคอยน์นับเป็นหนึ่งในสินทรัพย์ที่ทำราคาดีที่สุดในปีนี้ โดยทะยานขึ้นถึง 160% นับตั้งแต่ต้นปีนี้ ขณะที่ในเดือนนี้ ราคาของบิตคอยน์พุ่งขึ้นเกือบ 40% โดยบิตคอยน์เคยทะยานขึ้นทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ใกล้แตะ 20,000 ดอลลาร์ในเดือนธ.ค.2560
โดยนายไซมอน ปีเตอร์ส นักวิเคราะห์ของอีโทโร กล่าว “ไม่ใช่เรื่องแปลกที่บิตคอยน์จะแตะ 20,000 ดอลลาร์ในช่วงเทศกาลคริสต์มาสปีนี้” นายริค ไรเดอร์ หัวหน้าเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุนตราสารหนี้ของแบล็คร็อค ซึ่งเป็นบริษัทบริหารสินทรัพย์ใหญ่ที่สุดในโลก กล่าวว่า ในอนาคต บิตคอยน์จะสามารถขึ้นมาทดแทนตำแหน่งของทองในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย “ผมคิดว่าสกุลเงินคริปโตจะยังคงอยู่ต่อไป ผมคิดว่ามันเป็นสินทรัพย์ที่คงทน โดยบิตคอยน์เป็นเครื่องมือที่คงทนซึ่งจะสามารถขึ้นมาแทนที่ทอง เพราะบิตคอยน์สามารถทำหน้าที่ได้มากกว่าทอง” นายไรเดอร์กล่าว
การดีดตัวของบิตคอยน์ได้รับแรงหนุนจากกระแสตอบรับที่คึกคักจากกลุ่มบริษัทฟินเทค และนักลงทุนรายใหญ่ในตลาด เช่น พอล ทิวดอร์ โจนส์ และสแตนลีย์ ดรักเคนมิลเลอร์ ซึ่งแตกต่างจากในปี 2560 ซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักลงทุนรายย่อย
เมื่อเดือนที่แล้ว เพย์พาล ยักษ์ใหญ่ฟินเทค ประกาศว่า ทางบริษัทจะเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ๆเพื่อให้ผู้ใช้บริการสามารถทำการซื้อขายบิตคอยน์ และสกุลเงินคริปโตอื่นๆ และในช่วงต้นปีหน้า เพย์พาล มีแผนที่จะให้ลูกค้าใช้สกุลเงินคริปโตในการซื้อสินค้าจากเครือข่ายร้านค้าปลีกจำนวน 26 ล้านรายของทางบริษัท
ทางด้านสแควร์ ซึ่งเป็นบริษัทฟินเทคของสหรัฐ เปิดเผยในเดือนที่แล้วว่า ทางบริษัทได้เข้าซื้อบิตคอยน์มูลค่าถึง 50 ล้านดอลลาร์ โดยก่อนหน้านี้สแควร์เปิดให้บริการสกุลเงินคริปโตสำหรับลูกค้าที่ใช้แอพพลิเคชั่นแคชของทางบริษัท
บิตคอยน์ยังได้แรงหนุนจากการที่รัฐบาลและธนาคารกลางทั่วโลกพากันออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อเยียวยาภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ซึ่งมาตรการดังกล่าวได้ทำให้สกุลเงินของหลายประเทศอ่อนค่าลง ซึ่งรวมทั้งดอลลาร์ ส่งผลให้นักลงทุนหันมาถือครองบิตคอยน์ในฐานะสินทรัพย์ทางเลือก
นอกจากนี้ ยังมีการมองว่าบิตคอยน์มีสถานะเป็นสินทรัพย์ปลอดภัย เช่นเดียวกับทองคำ ซึ่งนักลงทุนจะแห่เข้าซื้อในช่วงเวลาที่เกิดความตื่นตระหนก ขณะเดียวกันนักลงทุนยังใช้บิตคอยน์เป็นเครื่องมือป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อจากการที่รัฐบาลมีแนวโน้มออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ