นักวิเคราะห์จากโกลด์แมน แซคส์ และซิตี้กรุ๊ปคาดการณ์ว่า ภาวะกระทิงของราคาทองคำยังไม่สิ้นสุด โดยราคาทองคำมีแนวโน้มพุ่งขึ้นเหนือระดับ 2,000 ดอลลาร์/ออนซ์ในปี 2564 แม้แนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลกหลังจากมีความคืบหน้าในการพัฒนาวัคซีนต้านโรคโควิด-19 นั้น จะกระตุ้นให้นักลงทุนทยอยขายทองคำในฐานะที่เป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัยในขณะนี้ก็ตาม
นักวิเคราะห์ระบุว่า ปัจจัยที่จะผลักดันให้ราคาทองพุ่งขึ้นเหนือระดับ 2,000 ดอลลาร์/ออนซ์นั้น มาจากกระแสความวิตกกังวลในเรื่องต่างๆ ที่ไม่มีความแน่นอน รวมทั้งภาวะอัตราดอกเบี้ยต่ำ การขยายงบดุลบัญชีของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และอัตราเงินเฟ้อที่ยังคงอยู่ต่ำกว่าเป้าหมาย
โกลด์แมน แซคส์ยังคาดการณ์ด้วยว่า ความต้องการทองคำจะแข็งแกร่งขึ้นในกลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม่ โดยขณะนี้ความต้องการทองคำในจีนและอินเดียเริ่มส่งสัญญาณกลับสู่ภาวะปกติแล้ว นอกจากนี้คาดว่า ความเป็นไปได้ที่คณะบริหารของนายโจ ไบเดน ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐจะมีท่าทีด้านนโยบายการค้าที่อ่อนลงนั้น จะเป็นปัจจัยหนุนราคาทองคำด้วย
สำหรับราคาทองคำที่ตลาดนิวยอร์กเมื่อคืนนี้ (24 พ.ย.) สัญญาทองคำ COMEX ส่งมอบเดือนธ.ค. ร่วงลง 33.2 ดอลลาร์ หรือ 1.81% ปิดที่ 1,804.6 ดอลลาร์/ออนซ์ ซึ่งเป็นการร่วงลงติดต่อกันวันที่ 2 เนื่องจากนักลงทุนแห่เทขายทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย หลังมีข่าวความคืบหน้าในการพัฒนาวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 รวมทั้งความราบรื่นในการถ่ายโอนอำนาจประธานาธิบดีของสหรัฐ
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้มอบหมายให้นางเอมิลี เมอร์ฟีย์ ผู้อำนวยการสำนักบริหารงานบริการทั่วไปของสหรัฐ (GSA) เริ่มกระบวนการถ่ายโอนอำนาจให้แก่คณะบริหารของนายโจ ไบเดน ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐแล้ว ซึ่งทำให้นายไบเดนสามารถเข้าถึงทรัพยากรต่างๆ ที่จำเป็นในการถ่ายโอนอำนาจ เพื่อเปิดทางให้เขาสามารถเข้าทำหน้าที่ในทำเนียบขาวได้อย่างราบรื่น