เร็ว ๆ นี้สภาคองเกรสอาจพยายามชี้แจงกฎระเบียบเกี่ยวกับทรัพย์สินดิจิทัลในสหรัฐฯ โดยทางด้านผู้แทน Patrick McHenry (RN.C. ) และ Stephen Lynch (D-Mass.) ได้เปิดตัวร่างกฎหมายเมื่อวันอังคาร เพื่อสร้างคณะทำงานที่ประกอบด้วยผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรมและตัวแทนจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์แห่งสหรัฐอเมริกา (SEC) และ Commodity Futures Trading Commission (CFTC) ) เพื่อประเมินกรอบกฎหมายและกฎระเบียบในปัจจุบันเกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัลในสหรัฐอเมริกา
ในขณะที่ บิทคอยน์พุ่งขึ้นทะลุแนว 55,000 ดอลลาร์ในช่วงเช้าวันนี้ ขณะที่นักวิเคราะห์หลายรายคาดการณ์ว่า บิทคอยน์มีแนวโน้มพุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังจากบริษัทรายใหญ่หลายแห่งให้ความสนใจเข้าลงทุนในบิทคอยน์ เมื่อเวลา 09.23 น.ตามเวลาฮ่องกงในวันนี้ ราคาบิทคอยน์พุ่งขึ้น 2.8% แตะที่ 55,600 ดอลลาร์
เป้าหมายสูงสุดของร่างกฎหมายที่เรียกว่า “Eliminate Barriers to Innovation Act of 2021” คือการชี้แจงว่าเมื่อไหร่ที่ SEC จะมีอำนาจเหนือโทเค็นหรือสกุลเงินดิจิทัลตัวนั้น (เช่นเมื่อถูกตีว่าเป็นหลักทรัพย์) หรือเมื่อไหร่ที่จะเป็นของ CFTC ( กล่าวคือเมื่อถูกตีว่าเป็นสินค้า)
กฎระเบียบของสหรัฐอเมริกามักไม่ชัดเจน โดยยังไม่มีกฎเกณฑ์ที่ชัดเจนว่าเมื่อใดที่สกุลเงินดิจิทัลบางสกุลถือเป็นหลักทรัพย์หรือไม่ โดยการดำเนินการบังคับใช้ของ SEC จะให้คำแนะนำส่วนใหญ่ในด้านนี้ ซึ่งทางด้าน เฮสเตอร์ เพียร์ซ ได้พยายามแก้ไขปัญหานี้ในปี 2020 โดยเสนอ safe harbor เป็นเวลาสามปีสำหรับโครงการต่าง ๆ ที่จะเริ่มต้น
และตัวแทนที่ไม่ใช่ภาครัฐจะมาจากบริษัทเทคโนโลยีทางการเงิน , สถาบันที่ให้บริการทางการเงิน , ธุรกิจขนาดเล็กที่ใช้เทคโนโลยีทางการเงิน , กลุ่มคุ้มครองนักลงทุน , องค์กรที่สนับสนุนการลงทุนในธุรกิจที่ด้อยโอกาส และนักวิจัยทางวิชาการอย่างน้อยหนึ่งคน ภายในหนึ่งปี กลุ่มนี้จะต้องยื่นรายงานการวิเคราะห์กฎข้อบังคับในปัจจุบัน รวมไปถึงผลกระทบที่มีต่อตลาดหลักและรอง และระบบการปกครองที่ส่งผลต่อตำแหน่งทางการแข่งขันของสหรัฐฯอย่างไร
นอกจากนี้รายงานจะพิจารณาว่าการ custody , private key และการรักษาความปลอดภัยในโลกไซเบอร์ได้รับการปฏิบัติภายใต้กฎหมายอย่างไร และแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดในอนาคตสำหรับการป้องกันการฉ้อโกง การคุ้มครองนักลงทุน และปัญหาอื่น ๆ อาจมีลักษณะอย่างไร นอกจากนี้ รายงานจะมีคำแนะนำในการปรับปรุงตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลหลักและรองซึ่งรวมถึง “ความเป็นธรรม ความเป็นระเบียบเรียบร้อย ความโปร่งใส ความพร้อมใช้งานและประสิทธิภาพ”