สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส ส่งมอบเดือนเม.ย. ซึ่งมีการซื้อขายที่ตลาดไนเม็กซ์ เพิ่มขึ้น 43 เซนต์ ปิดที่ 64.44 ดอลลาร์/บาร์เรล ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ ส่งมอบเดือนพ.ค. เพิ่มขึ้น 38 เซ็นต์ ปิดที่ 67.90 ดอลลาร์/บาร์เรล สำนักงานสารสนเทศด้านการพลังงานของรัฐบาลสหรัฐ (อีไอเอ) เปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐพุ่งขึ้น 13.8 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าเพิ่มขึ้นเพียง 2.7 ล้านบาร์เรล
สถาบันปิโตรเลียมอเมริกา (เอพีไอ) ซึ่งเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมน้ำมันของสหรัฐ เปิดเผยก่อนหน้านี้ว่า สต็อกน้ำมันดิบสหรัฐเพิ่มขึ้น 12.8 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว อีไอเอ ยังเปิดเผยว่า สต็อกน้ำมันดิบที่เมืองคูชิง รัฐโอกลาโฮมา ซึ่งเป็นจุดส่งมอบสัญญาน้ำมันดิบล่วงหน้าของสหรัฐ เพิ่มขึ้น 500,000 บาร์เรล
ส่วนสต็อกน้ำมันเบนซินลดลง 11.9 ล้านบาร์เรลในสัปดาห์ที่แล้ว ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าลดลง 4.8 ล้านบาร์เรล นอกจากนี้ สต็อกน้ำมันกลั่น ซึ่งรวมถึงฮีตติ้งออยล์และน้ำมันดีเซล ลดลง 5.5 ล้านบาร์เรล ขณะที่นักวิเคราะห์คาดว่าลดลง 3.8 ล้านบาร์เรล อย่างไรก็ดี ราคาน้ำมันได้ปัจจัยหนุนจากการที่องค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา (โออีซีดี) คาดการณ์ว่า เศรษฐกิจโลกจะขยายตัว 5.6% ในปีนี้ หากการฉีดวัคซีนโควิด-19 ดำเนินการได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
ขณะเดียวกัน ตลาดได้ปัจจัยบวกหลังจากที่กลุ่มประเทศผู้ส่งออกน้ำมัน (โอเปก) และชาติพันธมิตร หรือโอเปกพลัส มีมติคงเพดานการผลิตน้ำมันที่ระดับ 7.2 ล้านบาร์เรล/วันต่อไปจนถึงเดือนเม.ย. ขณะที่ซาอุดีอาระเบียสมัครใจที่จะปรับลดกำลังการผลิตน้ำมัน 1 ล้านบาร์เรล/วันต่อไปอีก 1 เดือน